แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โปรแแกรมพรีเมียร์ลีก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โปรแแกรมพรีเมียร์ลีก แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โปรแกรมบอล: กลุ่มปืนกระทบผี แมตช์คุ้นชินยิ่งใหญ่ด้วยว่าทั่วคู่

กรุ๊ปปืนปะทะผี แมตช์เคยยิ่งใหญ่เพราะทั้งคู่




พวกอาร์เซน่อล ปะทะ พวกแมนฯยู  กับแมตช์ที่เคยยิ่งใหญ่


ซึ่งถ้าวิเคราะห์ผลบอลทุกครั้งหลังจาก ศึกฟีฟ่า เดย์ ก็จักมีอารมณ์นี้ตลอดว่า คิดถึง ฟุตบอลลีกยุโรปโดยเฉพาะ ศึกพรีเมียร์ลีก ที่สุดอาทิตย์นี้มีโปรแกรม บิ๊กแมตช์ รออยู่

กับนี่เป็นเกมที่ ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง กลุ่มอาร์เซน่อล vs ฝ่ายแมนฯยูไนเต็ด คู่ เวลาน้ำชา บ่ายแก่ๆ ที่อังกฤษ หรือไม่ก็เที่ยงคืนครึ่งบ้านเรา

เพราะที่เบื้องต้น ผมเชื่อว่า คอบอลจะนึกถึง ปริมาณ นักเตะบาดเจ็บของ หลุยส์ ฟาน ฮัล ที่ไปๆ มาๆ ผมโหมโรง ไม่เชื่อ แล้วล่ะครับว่า จักมากสุทธิอย่างที่ประโคมข่าวกันปาวๆ เหรอไม่




ซึ่งภายหลังจบเกมนัดที่ 4 ของ ศึก ยูโร 2016 รอบคัดเเลื่องลือกช่วงสุดอาทิตย์ ตัวเลขนักเตะ คณะปิศาจแดงบาดเจ็บมีจำนวน 10 คน พร้อมด้วยเพิ่มเป็น 12 คนหลัง อังเคล ดิ มาเรีย กับ ลุค ชอว์ เจ็บในเกมกระชับมิตรวันอังคาร

เพราะที่ สื่อ เดอะ เทเลกราฟ ได้ระบุยอดรวมว่า ฤดูกาลนี้ นักเตะปิศาจแดง บาดเจ็บไปแล้วทั้งสิ้น 18 คน ขณะที่ฟาน ฮัล ใช้ผู้เล่นไปแล้วถึง 36 คน นับจากเปิดซีซั่นเป็นต้นมา

เพราะว่าที่ 3 เดือนที่สร้างผ่านมา กุนซือดัตช์นั้นโดน รับน้อง เต็มๆ กับต้องแสดงความรอบรู้ในการบริหารจัดการผู้เล่น

เหตุด้วยสถานการณ์แบบนี้จัก ประลอง ประสิทธิภาพในเชิงลึกของผู้เล่นปิศาจแดงว่ามี Strength in depth กล้าแกร่งเหมือนใด




และตรงกันข้ามด้าน คู่แข่ง เช่น หมู่อาร์เซน่อล เสาร์นี้ น่าจัก ลูบปาก หรือแอบคิดว่า นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเจอกับ เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ซึ่งนอกจากประเด็นนี้แล้ว มีประวัติบุคคลศาสตร์ ของการปะทะกันของทั้งคู่ในยุค พรีเมียร์ลีก คือ สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่คือ 2 เหล่าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดนับจากเปลี่ยนจาก ดิวิชั่น 1 มาเป็น ศึกพรีเมียร์ลีก ในปี 1992

เพราะว่าที่ทะลวงมา อย่างน้อยๆ ฝ่ายใดคณะหนึ่งจักต้อง ลุ้นแชมป์ ณ เวลาที่เจอกัน เหรอก็ทั้ง 2 คณะนั่นแหละที่กำลังถูกมองว่า คั่วแชมป์

แต่ว่า ในปี คศ.นี้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว และไม่มีใครทราบว่า จะมีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกใช่ไหมไม่ เพราะว่าวันนี้ หมู่อาร์เซน่อล อยู่อันดับที่ 6 พร้อมด้วยคณะแมนฯยูฯ อยู่ในอันดับที่ 7



ซึ่งถ้าถ้าจักพูดให้ชีช้ำกะหล่ำปลีเล่นก็คือ แมตช์นี้จักเป็นเกมชิง ท็อปโฟร์ ลุ้นไปเตะบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าเท่านั้น

เพราะที่ในซีซั่นนี้ เหล่าอาร์เซนอลนั้น เกือบพลาด ไปเตะฟุตบอลถ้วยหูยักษ์ ขณะที่ คณะแมนฯยูฯ นั้นพลาด และเพิ่งมีรายงานว่า สูญเสีย รายรับมากมาย ไม่ก็ 30-40 ล้านปอนด์ จากการที่ไม่ได้ไปเตะ UCL

พร้อมกับการเจอกันวันเสาร์นี้ ยังเป็นครั้งแรกนับจากปี 1998 ที่ทั้งคู่เจอกันขณะที่อันดับอยู่นอกโซน ท็อปโฟร์

เพราะว่าที่ครั้งนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เก้าอี้ อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องสั่นคลอน ที่สุด ต่างว่าไม่นับว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีไทร์ไปแล้วเป็นปีที่ 2 ทั้งที่ในอดีต โปรแกรมบอลในครั้งนี้ คือ เกมประชันความเชี่ยวชาญกันระหว่าง เวนเกอร์ vs เฟอร์กี้

ซึ่งยิ่งเขียน ก็ยิ่งใจหาย กับยิ่งจะกลายเป็นเหมือนศึก แดงเดือด เหล่าแมนฯ ยูฯ vs หมู่ลิเวอร์พูล ที่ ฝ่ายหงส์แดง ค่อยๆ ตกต่ำหลังพ้นยุค 1980 ด้วยกันต้องใช้ชื่อเสียงเก่าๆ มาช่วยเข้าไปทุกขณะ




พร้อมทั้งในฮอตสกอร์ ของเรา ใช่ไหมสื่อทั่วโลก ผมคาดว่า จักมีการพูดถึงแมตช์แห่งความทรงจำของทั้ง 2 เหล่ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

เพราะว่าส่วนตัวก็มีกับเค้า 2-3 แมตช์ เช่น 21 กันยายน ปี 2003 ที่เสมอผลฟุตบอล 0-0 ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดย รุด ฟาน นิสเตลรอย พลาดจุดโทษช่วงทดเวลาเจ็บ

พร้อมทั้งในงานนั้น ถ้าหากรุด ไม่ยิงไปชนเสา ฝ่ายอาร์เซนอลคงหยุดสถิติไม่พ่ายใครแค่นัดที่ 8 ของฤดูกาลหาใช่ วิ่งยาว invincible ไปจนจบซีซั่น แมตช์ถัดมา ก็คือ 24 ตุลาคม ในปี 2004 โดยที่พวกแมนฯ ยูฯ นั้นได้เปิดบ้านชนะ 2-0 และหยุดสถิติไม่ปราชัยใครของ กลุ่มอาร์เซน่อลในลีกไว้ที่ 49 แมตช์



ไม่ก็อีกแมทที่สุดๆ ซึ่งก็คือ เอฟเอ คัพ  ในเกมรอบตัดเชือกปี 1999 ซึ่ง เดนนิส เบิร์กแคมป์ พลาดจุดโทษให้กับ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เซฟได้ตอนก่อนหมดเวลา


กับจากนั้นช่วงต่อเวลาพิเศษ ชาวโลกก็ได้เห็น ไรอัน กิ๊กส์ ตัดบอลกลางสนามแล้วโซโล่ไปยิงประตูชัย

ซึ่งนี่ก็คือสกอร์ เบาะๆ แค่ 3 เกม ตัวอย่างนะครับ ก็เพราะว่าจริงๆๆ แล้วยังมีอีกมากมายเป็น คดีความ ระหว่าง 2 ทีมนี้ด้วย

พร้อมด้วยที่ผมไม่แน่ใจว่า พวกผี vs กลุ่มปืน จะเหลือเป็นแค่ อดีต โปรแกรมแห่งความทรงจำเท่านั้น

แย่แล้ว ฟัลเกาเดี้ยงเพิ่มอีก 2 วีค




ข่าวนี้คงทำให้ สาวกทีมเร้ด อาร์มี่ นั้นต้องคอตก ครั้นได้รับการยืนยันจาก หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่ กรุ๊ปผีแดง กล่าวว่า ราดาเมล ฟัลเกา ได้รับบาดเจ็บซ้ำ เลื่อนเวลาคัมแบ็กออกไปอีก 2 อาทิตย์

ซึ่งกองเชียร์ พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลุ่มยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีก ต้องเจอเรื่องเซ็ง จนถึง ราดาเมล ฟัลเกา ศูนย์หน้าหมู่ชาติโคลอมเบีย หมดสิทธิ์ลงช่วยพวกนัดยกพลบุกเยือนรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ ทีมอาร์เซน่อล ในคืนวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน นี้เป็นที่แน่นอนแล้ว หลัง หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า แข้งรายนี้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม ด้วยกันจักต้องเลื่อนเวลาคัมแบ็กสู่คณะชุดใหญ่ออกไปอีก 2 สัปดาห์

เพราะที่ฟาน กัล ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ MUTV สื่อโทรทัศน์ของทัพ พวกปีศาจแดง พูดถึงกองหน้าคนดังที่หยิบยืมตัวมาจาก กลุ่มโมนาโก เป็นเวลา 1 ฤดูกาลว่า ตัวเขามีอาการบาดเจ็บขึ้นอีกครั้ง พร้อมด้วยต้องใช้เวลาพักฟื้น เขาจะต้องใช้เวลาราวๆ 2 อาทิตย์ในการรักษาตัว จากนั้นค่อยมาลงทำการฝึกซ้อมกับฝ่ายชุดใหญ่ แล้วค่อยมาลุ้นเรื่องโอกาสลงสนาม

และทางด้านดาวยิงชาวโคลอมเบีย ที่เจ็บเรื้อรังมาตลอด นับตั้งแต่เลื่อนมาอยู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จนเพิ่งจะมีโอกาสลงสนามไปแค่ 4 เกมเท่านั้น กล่าวว่า มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังที่ผมไม่ทำได้ลงเล่นได้ แต่ผมจำเป็นต้องใจเย็นพร้อมกับเฝ้ารักษาตัวไปเรื่อยๆ ก็เพราะว่าสิ่งสำคัญเพราะด้วยผม คือจะต้องกลับมาช่วยหมู่ให้ได้ ยามที่ผมพร้อมจะกลับมาลงสนามอีกครั้ง

คณะอาร์เซน่อลเฮ หลังชิรูด์ควงอาร์เตต้าฟิตทันฟัด เหล่าผีแดง




ซึ่งหลังจากที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้ออกมาเปรยข่าวดีของ ฝ่ายปืนใหญ่ ก็เพราะว่าทั้ง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ พร้อมทั้งมิเกล อาร์เตต้า นั้นพร้อมกลับมา เป็นตัวเโจษกในเกมลีกนัดเปิดบ้านรับ ข่าวแมนยู ในสุดอาทิตย์นี้ พร้อมแย้มทั้ง โลร็องต์ กอสเซียลนี่ พร้อมด้วย มาติเยอ เดอบูชี่ ก็เริ่มซ้อมเบาๆ ได้บ้างแล้ว

เพราะที่อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือเเลื่องลือดน้ำหอมของ กลุ่มอาร์เซน่อล หนึ่งในคณะบิ๊กโฟร์ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เล่าความพร้อมของทีมก่อนลงเล่นเกมบิ๊กแมตช์ที่ทัพ ฝ่ายปืนใหญ่ มีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือน คณะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝ่ายอริร่วมลีกในสุดอาทิตย์ที่จักถึงนี้ เพราะว่ายืนยันว่า 2 นักเตะที่บาดเจ็บไปในช่วงก่อนนี้อย่าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ พร้อมด้วย มิเกล อาร์เตต้า จะพร้อมลงเล่นในเกมดังกล่าวแน่นอน

เหตุด้วยในตัวของเทรนเนอร์เฟร้นช์แมนของทัพ กรุ๊ปเดอะ กันเนอร์ส ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ชิรูด์ นั้นกลับมาลงเล่นได้ก่อนเวลาที่มีการคาดการณ์กว่า 1 เดือน ตามปกติเราคิดว่าเขาน่าจะกลับมาลงเล่นในช่วงต้นปีหน้า ทั้ง ชิรูด์ พร้อมทั้ง มิเกล อาร์เตต้า นั้นจะพร้อมลงเล่น ในเกมที่เจอกับ กลุ่มแมนฯ ยูฯ ทั้งคู่ ถ้าถามว่าพวกเขาพร้อมไหม พวกเขาพร้อมลงเล่นแล้ว

กับเวนเกอร์ ยังกล่าวถึงอาการของอีก 2 แข้งอย่าง มาติเยอ เดอบูชี่ พร้อมกับ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ ที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าจ่อหายกลับมาลงเล่นได้ในเร็ววันนี้ว่า โลร็องต์ กอสเซียลนี่ พร้อมด้วย มาติเยอ เดอบูชี ดีขึ้น พวกเขาเปิดที่บังตากลับมาซ้อมได้อีกครั้ง เรากำลังเฝ้าดูอาการของพวกเขาอยู่ แต่คาดว่ายังต้องแยกซ้อมเบาๆ จากเพื่อนร่วมพวกอีกราว 3 สัปดาห์ จากนั้นคือการเรียกความฟิตกลับมา

ในช่วงเวลาที่ทะลุมา คณะอาร์เซน่อล ต้องประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บกว่าครึ่งหมู่ หลังแข้งหลักทยอยขึ้นเตียงพยาบาลกันอย่างต่อเนื่อง เพราะ ชิรูด์ ด้วยกัน อาร์ต เป็น 2 รายแรกที่หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาลงเล่นได้ เพราะสารบาญนักเตะเดี้ยงที่เหลือกระฉ่อนอยู่เช่น

  1. เมซุต โอซิล
  2. อาบู ดิอาบี้
  3. เดอบูชี่ 
  4. กอสเซียลนี่ 

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

ดุจิงๆ หลังทีมสิงโตโจมตีขย้ำทีมสวิส 2-0 เลือกสรรฟุตบอลยูโร2016+คลิปรวมทั้งการค้ำจุนทีมฐานะนี้ของ ฟานกัล จะเป็นยังไงจำเป็นไปดูกัน?



ดุจิงๆ หลังทีมสิงโตบุกขย้ำทีมสวิส 2-0 คัดเลือกยูโร+คลิป



โชว์แบบฟอร์มได้ดีขนอง ทีมสิงโตคำราม ได้เอาฤกษ์เก็บ 3 แต้ม หลังได้ตัว แดนนี่ เวลเบ็ค เหมาคนเดียว 2 ประตู นำทีมทะลวงไปเอาชนะ ขุนพล ทีมนาฬิกา ถึงถิ่น 2-0 ในศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือก กลุ่ม อี เมื่อ 8 กันยายน ที่ผ่านมา

สำหรับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชนชาติยุโรปในศึกยูโรปี 2016 ในรอบคัดเลือก กลุ่ม อี แข่งขันคืนวันจันทร์ที่ 8 กันยานยน 2557 เป็นการประสบกันระหว่าง ทัพ ทีมนาฬิกา ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ง้างสนาม เซนต์ ยาค็อบ พาร์ค รับการมาเยี่ยมของ ทีมสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ

โดยมาลองวิเคราะห์บอลเมื่อชักจะเกม ทั้งสองทีมยังไม่ทำเป็นเปิดเกมรุกได้ถนัด เมื่อถึงในนาทีที่ 15 ทีมอังกฤษ ได้เสียวหลัง เวย์น รูนี่ย์ ลองส่องไกลจากหน้าเขตโทษ บอลไปตรงตัว ยานน์ ซอมเมอร์

ในนาทีที่ 29 ทีมอังกฤษ ได้ทำชั่วลู่ทางทองอย่างนาเสียดาย แดนนี่ เวลเบ็ค พาบอลตกเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนปาดเรียดเข้าในหวังให้ ราฮีม สเตอร์ลิง เข้าชาร์จ แต่น้ำหนักเกินไปนิดเดียว โดนแนวรับเจ้าถิ่นเคลียร์ทิ้ง

หลังจากนั้นในนาทีที่ 32 ก็มีโอกาสลุ้นครั้งแรกของ สวิส จากลูกเตะมุม ริคาร์โด้ โรดริเกซ เปิดมาที่ตะม่อแรกโดนโหม่งเคลียร์มาหน้าเขตโทษ สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ กดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งข้ามคานไปนิดเดียว

ในนาทีที่ 33 สวิส มีโอกาสโดยประมาณได้ประตูขึ้นนำ แซร์ดาน ชากิรี่ ตวัดบอลเข้าเขตโทษให้ ฮาริส เซเฟโรวิช เบี่ยงตัวยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งไปติดเซฟ ด้วยขาของ โจ ฮาร์ท ออกหลัง

ต่อมานาทีที่ 43 ก่อนเปลืองครึ่งแรก 2 นาที อังกฤษ หวิดได้ประตูนำ เวย์น รูนี่ย์ เปิดเตะมุมทางฝั่งขวาเข้ากลางให้ ฟิล โจนส์ ได้โหม่งคนเดียวเต็มๆ บอลเกือบเสียบมุม ยานน์ ซอมเมอร์ ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งไปได้ทัน

จบเกมส์ครึ่งแรก ทีมสวิส กับ ทีมอังกฤษ ยังเสมอกันอยู่ผลบอล 0-0

เริ่มเกมในครึ่งหลัง ถกฉากเริ่มเกมมาได้ 2 นาที จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำชิ่งต่อให้กับ แจ็ค วิลเชียร์ ได้ยิงด้วยซ้ายตรงเส้น 18 หลา บอลหลุดเสาออกไป

นาทีที่ 52 ทีมชาติอังกฤษ ยังเดินเกมรุกได้ดีกว่าในระยะต้นครึ่งหลัง มีคราวลุ้นอีกครั้ง เฮนเดอร์สัน จับจ่ายใช้สอยบอลยัดเข้าในยื่นให้ ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งมาแปอีกด้วยขวาโล่งๆ ไม่โดน แต่บอลกลับไปแฉลบขา วาลอน เบห์รามี่ ตกกรอบไปนิดเดียว

นาทีที่ 58 ความเวียรของ ทีมชาติสิงโตคำราม ก็มาเป็นผล หลังได้ที่นี่ขึ้นนำ 1-0 จากเกมสวนกลับเร็ว รูนี่ย์ จ่ายเข้าแถบโทษฝั่งซ้ายให้ สเตอร์ลิง ปาดเรียดเข้าในให้ เวลเบ็ค แปด้วยขวาแค่ 7 หลาเข้าไปเสียบมุม

นาทีที่ 70 ทีมชาติสวิส พลาดโอกาสได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย เซเฟโรวิช จ่ายบอลทะลุช่องให้ โยซิป เดอร์มิช กองหน้าสำรองหลุดเดี่ยวเข้าไปแตะบอลหลบ โจ ฮาร์ท แล้วตวัดยิงมุมแคบ โดน แกรี่ เคฮิลล์ ล้มตัวสไลด์บอลทิ้งก่อนที่บอลจะเข้าประตู

ในนาทีที่ 85 ทีมชาติสวิส พยายามเดินเกมบุกอย่างหนัก มีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอ โกคาน อินแลร์ สาดส่องไกลด้วยเท้าซ้าย ลูกฟุตบอลติดไซด์ฮุกตกหลังคานออกหลัง

และในนาทีที่ 90 + กับช่วงทดเวลาบาดเจ็บ3 นาที ในเกมรับเจ้าถิ่นเสียสมาธิ ก่อนที่ ริคกี้ แลมเบิร์ต ตัวสำรอง ทีมสิงโต จะแยกออกบอลถวายพานให้ เวลเบ็ค แตะเข้าไปยิงผ่านมือ ยานน์ ซอมเมอร์ เข้าไปให้ทีมนำ 2-0 และเป็นลูกที่ 2 ของกองหน้าตัวใหม่ ทีมอาร์เซน่อล

โดยที่จบเกม ทีมชาติอังกฤษ บุกมาเอาชนะ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ถึงถิ่น 2-0 เก็บ 3 แต้มประเดิมศึกคัดเลือก ยูโร 2016

ซึ่งรายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีมมีดังนี้

รายชื่อทีมสวิตเซอร์แลนด์ : 

  1. ยานน์ ซอมเมอร์ 
  2. สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์
  3. โยฮัน ฌูรู
  4. สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น
  5. ริคาร์โด้ โรดริเกซ 
  6. โกคาน อินแลร์
  7. วาลอน เบห์รามี่ 
  8. แซร์ดาน ชากิรี่
  9. กรานิต ชาก้า สำรอง เบริม เซไมลี่ นาทีที่ 74
  10. อัดเมียร์ เมห์เมดี้ สำรอง โยซิป เดอร์มิช นาทีที่ 64
  11. ฮาริส เซเฟโรวิช

รายชื่อตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้ : 
  1. มาร์วิน ฮิทซ์ 
  2. โรมัน เบอร์กี้
  3. ฟิลิปป์ เซนเดอรอส
  4. ฟาเบียน ชาร์
  5. ลอริส เบนิโต้
  6. ซิลวาน วิดแมร์
  7. ฟาเบียน ฟราย
  8. วาเลนติน สต็อคเกอร์
  9. เกลสัน แฟร์น็องเดส
  10. ปาติม คาซามี่

รายชื่อนักเตะทีมชาติอังกฤษ : 
  1. โจ ฮาร์ท 
  2. จอห์น สโตนส์
  3. แกรี่ เคฮิลล์
  4. ฟิล โจนส์ สำรอง ฟิล จากีลก้า นาทีที่ 77
  5. เลห์ตัน เบนส์ 
  6. แจ็ค วิลเชียร์ สำรอง เจมส์ มิลเนอร์ นาทีที่ 73
  7. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
  8. ฟาเบียน เดลป์ 
  9. ราฮีม สเตอร์ลิง
  10. เวย์น รูนี่ย์ สำรอง ริคกี้ แลมเบิร์ต นาทีที่ 90
  11. แดนนี่ เวลเบ็ค

รายชื่อสำรองไม่ได้ใช้ : 
  1. เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ 
  2. คาลัม แชมเบอร์ส
  3. แดนนี่ โรส
  4. แอนดรอส ทาวน์เซ่นด์
  5. อเล็กซ์-อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน

ชื่อผู้ตัดสิน : คูเน็ท ชาคีร์ ประเทศตุรกี





เสริมทีมระดับนี้ จะเป็นยังไงต้องไปดูกัน?





สำหรับการส่งเสริมทีมในอันดับมหาโคลงของ หลุยส์ ฟาน กัล ให้กับทีม ปีศาจแดง ซึ่งในช่วงซัมเมอร์นี้ จะว่าไปก็ไม่แตกต่างจากการปิดประตูสิ้นชีพิตักษัยให้ตัวเอง จากที่เคยอ้างเรื่องนักเตะได้ หากผลสรุปงานไม่ดี แต่คราวนี้ เรียกว่าหมดข้ออ้างอย่างแท้จริง หากไม่อาจทำได้ตามเป้าที่วางไว้

หลังจากที่ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ปิดตัวลงไปเรียบร้อยแล้ว หลายทีมสามารถทำให้รุ่งเรืองขึ้นทัพได้อย่างน่าตื่นตา หนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แม้ว่าเป็นทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ควักกระเป๋าจ่ายเงินไปกว่า 150 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับนักเตะระดับสตาร์ 2 ราย และเกรด B+ อีก 4 รายมาร่วมทัพ

ซึ่งนี่พูดได้เลยว่านี่คือ การผ่าตัดใหญ่ของทีมอย่างแท้จริง

โดยหลังจากผลงานอันย่ำแย่กับเลข 7 ที่เป็นอันดับเมื่อซีซั่นที่แล้วยังคงติดตาคู่ควงบอลผู้ถวายตัวให้กับซาตานแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องได้หลอกได้หลอนไปกับคำล้อเลีย คำรับขวัญใจ ตลอดจนความหวังลมๆ แล้งๆ ที่อาจมาหรือไม่มาก็มีใครรู้




หลังดำเนินที่ได้ปิดซีซั่นไปกับสิ่งที่แน่นอนอย่างหนึ่งคือ ฤดูกาลหน้าจะไม่ได้ไปเล่นในเวทียุโรป ซึ่งนั่นหมายศาลความว่าทำใจไว้ได้เลยกับการเสริมทัพ ที่คงไม่เชี่ยวชาญจูงใจสตาร์ชั้นดีเข้ามาสู่ทีมได้ แม้ว่าจ้างจะได้ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ประกอบคุณงามความดีใน ฟุตบอลโลก เหมือนกันการพาบ้านเกิด ทีมชาติฮอลแลนด์ ไปคว้าอันดับ 3 ได้ มาเป็นกุนซือก็ตาม เรียกได้ว่ามีบารมี แต่ก็ไม่ใช่ทั้งทั้งหมดที่จะสามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้

ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะนักเตะในทีมยังคงเป็นทีมที่ เดวิด มอยส์ บรรจงสรรสร้างขึ้นมารั้งตำแหน่งอันดับ 7 การจะเอาของเดิมมาทำผลงานให้ดีกว่าเดิมเป็นเรื่องยากอย่างแท้จริง เพราะความไร้สมรรถภาพ และศักยภาพ ทำให้การจะปรับจะจูนก็กลายเป็นเรื่องยากตามไปด้วย

และสิ่งนั้นนั่นทำให้แฟนทีม ปีศาจแดง ต้องทำใจรับสภาพ และมักหาข้ออ้างต่างๆ มาเพื่อปลอบใจตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน อย่างผมเอง ก็บอกชัดๆ เลยว่าหากซัมเมอร์ที่ผ่านมาต้องจบลงในสภาพเดียวกับซัมเมอร์แรกที่ ไร้ป๋า ที่ทีมได้มาแค่ มารูยาน เฟลไลนี่

และก็ขอแค่ไม่ต้องมาโดนลูกล้อตรงกลางตาราง ไม่ก็แค่จบอันดับดีกว่าเดิม ก็น่าจะเป็นที่พึงพอใจได้



โดยปฤษฎางค์จากที่เราได้เห็นความชำนาญ ฟาน กัล เชื่อว่าแฟน ๆ หลายคนไม่ต่างจากผม ที่ฟังว่าเราจะพลิกมาลุ้นแชมป์คว้า แต่พอชายตาย้อนกลับไป ก็อยากจะเพิกถอนหายใจอีกหลายเฮือก แต่ความเป็นจริงก็คือสิ่งที่สมควรจะเก็บเป้าไว้เป็นอย่างน้อยนั่นคือการจบอันดับ 1 ใน 4 เพื่อให้ได้ไปบรรเลงในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

และถ้าหากวัดจากผลงานก่อนหน้านี้ ตัวผู้เล่น และการทำงานอันล่าช้าในตลาดนักเตะ รวมไปถึงบัญชีนักเตะบาดเจ็บที่ยาวเป็นหางว่าว อาจทำให้เราหยิบเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างปลอบใจได้

ซึ่งก่อนเปิดฤดูกาล ด้วยนักเตะที่เสริมมาเพียงแค่ 2 คน ซึ่งก็เป็นคนที่ เดวิด มอยส์ เลือกไว้ตั้งแต่แรก ไม่ใช่คนที่ ฟาน กัล สั่งให้ทีมหามา แต่ก็ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมอุ่นเครื่อง ปราบรวดไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็น 
  1. ทีมโรม่า
  2. ทีมอินเตอร์ มิลาน
  3. ทีมเรอัล มาดริด 
  4. ทีมลิเวอร์พูล 
  5. ทีมบาเลนเซีย 
เพราะว่าที่ในนัดสุดท้าย ลูกฟุตบอลที่มีทรง กล้าเล่นอย่างไร้ความบีบ การเข้าทำที่หลากหลาย อาวุธดูครบมือ แม้คู่แข่งอาจไม่ได้เอาจริงเอาจังเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้ทีมดูมีเป้าหมายมากขึ้นจริง ๆ


ปางแต่ว่าตั้งแต่รั้งขึ้นฤดูกาลมา หน้ามือปรับเปลี่ยนเป็นหลังนิ้วก้อยเท้าอย่างเฉียบพลัน เริ่มที่การแพ้ ทีมสวอนซี คาบ้าน ในนัดเปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก แต่ก็พูดได้ว่ามันเรื่องที่ยาก เพราะบัญชีนักเตะบาดเจ็บ ยังยาวเป็นหางว่าวไม่เปลี่ยน

หลังจากตรงนั้น ผลการแข่งขันยังถ่มถุยกันแก่ไปโดยไป เสมอ ทีมซันเดอร์แลนด์ แพ้ ทีมเอ็มเค ดอนส์ รวมถึงเสมอกับ ทีมเบิร์นลีย์ หลังจบเกมทุกนัด ฟาน กัล จัดการดึงนักเตะมาเพิ่มได้ทั่วๆ ต้องชื่นชมฝ่ายสั่งการกันบ้างที่เอานักเตะชั้นดีอย่างตัว อังเคล ดิ มาเรีย และสุดยอดดาวยิงอย่าง ราดาเมล ฟัลเกา เข้ามาในทีมได้ แม้จะเป็นการเอาเงินฟาดหัวก็ตาม

และก็นับว่าโชคดีที่ช่วงนี้มีเกมทีมชาติมาคั่น ส่วนนัดหน้ามีตารางบอลเจอ ทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ที่ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเท่าไหร่เลย ตามหน้าเสื่อทีม ปีศาจแดง สมควรคว้า 3 แต้มด้วยประการทั้งปวง

และถ้าหากทำไม่ได้หลายคนอาจเอาระบบ เอาอาการบาดเจ็บมาอ้าง แต่เชื่อเถอะว่าการเสริมทัพระดับวินาศสันตโรจนนักเตะในทีมค่าตัวรวมกันมากตวงขนาดนี้ ยังแพ้ หรือเสมออีก หรือท้ายฤดูกาลไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ได้อีก ไม่ต้องเอาอะไรมาอ้างแล้วล่ะครับ ห่วยล้วนๆ เลย


ทีมผีแดงไม่สนข่าวที่ว่า ฟัลเกาโกงอายุ



หลังจากที่ทีม ปีศาจแดง ได้เย็นชาข่าว ฟัลเกา โกงอายุ หลังมีกล่าวลดอายุตัวเอง 2 ปีเพื่อลงรับใช้ชาติในเกม ศึกเวิลด์ยูธ เมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา ชี้ไม่ส่งผลแตะต้องอันใดกับสโมสร

ซึ่งเมื่อทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังของศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และสังกัดเดิมใหม่ของ ราดาเมล ฟัลเกา กองหน้าทีมชาติโคลอมเบีย ร่วมยืนยัน เอล ติเกร เป็นนักเตะในวัย 28 ปีจริง พร้อมมั่นใจข่าวลือเนื้อความหอกรายนี้เป็นนักเตะอายุ 30 ปี และหวังโกงอายุเพื่อได้โอกาสลงเล่นในฟุตบอลฐานะเยาวชนเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมาไม่ส่งผลอันใดกับสโมสร

โดยที่ทัพทีม ปีศาจแดง ได้แถลงการณ์สั้นๆ เกี่ยวกับข่าวกรณี ฟัลเกา โกงอายุว่า ทางเราได้ยินข่าวลือดังกล่าวแล้ว แต่เรื่องเหล่านี้ไม่เคยส่งผลอันใดกับเรา หลังมีรายงานเป็นเอกสารจากโรงเรียนในวัยประถมของดาวยิงโคลอมเบียนว่าจริงแล้วเจ้าตัวเกิดในปี 1984 มิใช่ปี 1986 แบบที่เจ้าตัวยืนยันในตลอดช่วงที่ผ่านมา

และได้มีการคาดเหตุการณ์ไว้ว่า ฟัลเกา หวังโกงอายุให้ตัวเองมีอายุน้อยกว่าปกติ 2 ปีเพื่อโอกาสรับใช้ชาติในศึกฟุตบอลชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีเมื่อปี 2005 ที่ผ่านมา ขณะที่ เอล ติเกร กำลังจะลงประเดิมสนามเกมแรกให้ทีม แมนฯยูฯ ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ทัพทีม ผีแดง ซึ่งมีคิวแบะบ้านรับการมาเยือนของ ทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผลการวิเคราะห์บอลค้นหาโพลจากพี่น้องร่วมชาติเรื่องคนไทยกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษและสยามแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014


ซึ่งจากผลโพลล่าสุดประชาชนส่วนใหญ่ 69.24 % ไม่ได้ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่ชื่นชมทีม Manchester United มากที่สุด








โดยเมื่อนิด้าโพล ได้พร้อมเปิดเผยผลสำรวจทรรศนะของประชาชน เรื่อง คนไทยกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษและไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014 


และได้ทำการวิเคราะห์ระหว่างวันที่ 1 – 5 สิงหาคม 2557 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกสภาพการศึกษาและการทำมาหากิน จำนวนทั้งสิ้น 4009 ตัวอย่างที่เกี่ยวการติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษและไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกและทีมที่ชื่นชอบ

ซึ่งจากผลการสำรวจนั้น การติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หรือ Barclays Premier League 

พบว่า พี่น้องร่วมชาติส่วนใหญ่ 

  • ร้อยละ 69.24 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 
  • ร้อยละ 30.76 ระบุว่า ได้สืบหา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ด้วยกันเมื่อได้พิจารณาจำแนกไล่ตามเพศ พบว่า เพศชาย 

  • ร้อยละ 57.64 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 42.36 ระบุว่า ติดตาม 

ครั้นเมื่อที่เพศหญิง 

  • ร้อยละ 83.20 บังคับว่า ไม่ได้ติดตาม  
  • ร้อยละ 16.80 ระบุว่า ติดตาม 

เพศทางเลือก 

  • ร้อยละ 71.43 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 28.57 ระบุว่า ติดตาม 


โดยที่ในจำนวนข้าแผ่นดินที่ติดตาม ส่วนใหญ่ 

  • ร้อยละ 79.72 ระบุว่า แกะรอยเป็นครั้งคราว 
  • ร้อยละ 20.28 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ


พร้อมทั้งสำหรับ ทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาล 2014 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น ที่ชื่นชอบมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 


  1. ร้อยละ 38.85 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Manchester United มากที่สุด 
  2. รองลงมา ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Liverpool 
  3. ร้อยละ 9.65 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Arsenal 
  4. ร้อยละ 8.52 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Chelsea 
  5. ร้อยละ 3.97 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Manchester City 
  6. ร้อยละ 0.73 ระบุว่า ชื่นชอบทีม Everton 
  7. ร้อยละ 1.46 ระบุว่า ชื่นชอบทีม อื่น ๆ ได้แก่ 

  • Leicester City 
  • Newcastle United 
  • Tottenham Hotspur 
  • West Ham United 
  • Crystal Palace 
  • West Bromwich Albion 
  • Aston Villa 
  • และ Hull City 
     8.  ร้อยละ 4.38 ระบุว่า ไม่มีทีมใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ/เฉย ๆ

ซึ่งเมื่อได้ไตร่ตรองตามช่วงอายุ จำแนกตามทีมที่ชื่นชอบ พบว่า 
ประชาชนที่ชื่นชอบ

  1. ร้อยละ 42.80 ชอบ ทีม Manchester United ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25 – 39 ปี  
  2. ร้อยละ 46.50 ชอบ ทีม Liverpool ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 40 – 59 ปี  
  3. ร้อยละ 44.54 ชอบ ทีม Arsenal ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25 – 39 ปี  
  4. ร้อยละ 35.24 ชอบ ทีม Chelsea ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 40 – 59 ปี  
  5. ร้อยละ 41.67 ชอบ ทีม Manchester City ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25 – 39 ปี  
  6. ร้อยละ 44.44 ชอบ ทีม Everton ซึ่งอยู่ในช่วงอายุประมาณ 25 – 39 ปี และ ช่วงอายุ 40 – 59 ปี ในสัดส่วนเท่ากัน  





และเมื่อวกกลับมาถามถึง การติดสอยห้อยตามวิเคราะห์ผลบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก หรือ Toyota Thai Premier League พบว่า 


  • พสกส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.65 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 
  • ขณะที่ ร้อยละ 22.35 ระบุว่า ติดตาม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ซึ่งเมื่อตรวจสอบจำแนกตามเพศ พบว่า เพศชาย 

  • ร้อยละ 67.61 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 32.39 ระบุว่า ติดตาม 

มหุรดีที่เพศหญิง 

  • ร้อยละ 89.76 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 10.24 ระบุว่า ติดตาม 
และเพศทางเลือก 

  • ร้อยละ 71.43 ระบุว่า ไม่ได้ติดตาม 
  • ร้อยละ 28.57 ระบุว่า ติดตาม 

โดยในจำนวนประชาชนที่ติดตาม ส่วนใหญ่ 

  • ร้อยละ 83.93 ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว 
  • ร้อยละ 16.07 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ

ซึ่งท้ายสุด ผลของทีมฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ที่มีผู้ซาบซึ้งใจมากที่สุด ปะว่า 
ประชาชนส่วนใหญ่ 

  1. ร้อยละ 34.38 ระบุว่า ชื่นชอบทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มากที่สุด 
  2. ร้อยละ 16.29 ระบุว่า ชื่นชอบทีม เอสซีจี เมืองทอง 
  3. ร้อยละ 10.60 ระบุว่า ชื่นชอบทีม ชลบุรี เอฟซี 
  4. ร้อยละ 3.68 ระบุว่า ชื่นชอบทีม บางกอกกล๊าส 
  5. ร้อยละ 3.35 ระบุว่า ชื่นชอบทีม เชียงราย ยูไนเต็ด 
  6. ร้อยละ 3.01 ระบุว่า ชื่นชอบทีม สงขลา ยูไนเต็ด 
  7. ร้อยละ 2.79 ระบุว่า ชื่นชอบทีม ราชบุรี มิตรผล 
  8. ร้อยละ 2.23 ระบุว่า ชื่นชอบทีม สุพรรณบุรี 
  9. ร้อยละ 2.01 ระบุว่า ชื่นชอบทีม บีอีซี เทโร 
  10. ร้อยละ 1.90 ระบุว่า ชื่นชอบทีม ศรีสะเกษ เอฟซี 
  11. ร้อยละ 1.56 ระบุว่า ชื่นชอบทีม สิงห์ ท่าเรือ 
  12. ร้อยละ 8.59 ระบุว่า ชื่นชอบทีม อื่น ๆ ได้แก่ 


  • ขอนแก่น 
  • นครราชสีมา 
  • ชุมพร 
  • ตรัง 
  • ร้อยเอ็ด 
  • ปทุมธานี 
  • ราชนาวี 
  • สมุทรปราการ 
  • นครปฐม
  • เพชรบุรี และ 

  13.  ร้อยละ 9.60 บ่งว่า ไม่มีเหล่าใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ/เฉย ๆ
เมื่อวู้ดเวิร์ดเผยเข้าถกเปเรซสู่ขอดิมาเรียแล้ว



โดยที่แฟน ทีมผี ได้ลุ้นวิเคราะห์บอลจนตัวสั่น ภายหลังที่เดลี่ เมล์ ได้ตีข่าว วู้ดเวิร์ด ตั้งโต๊ะหารือกับ เปเรซ แล้ว เรื่องสู่ขอ ดิ มาเรีย คาด ทีมราชันชุดขาว ได้พร้อมที่จะวางธุระตัวหากว่าได้เงิน 2,250 ล้านบาท

โดยที่เหล่าบรรดาสาวกทีม เร้ด เดวิลส์ ได้ลุ้นกันตัวโก่งเลยทีเดียว หลังล่าสุด เดลี่ เมล์ สื่อกีฬาชื่อดังแดนผู้ดี บอกว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด ผู้บริหารระดับสูงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ตั้งโต๊ะหารือกับทาง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด เป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงเรื่องการเซ็นสัญญาคว้าตัว อังเคล ดิ มาเรีย ปีกตัวจี๊ดทีมชาติอาร์เจนติน่า มาร่วมทีม

และเรื่องอนาคตของ ดิ มาเรีย ตกเป็นเครื่องหมายคำถามตลอดช่วงที่ผ่านมาว่าจะย้ายออกจากถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว หรือไม่ แต่ล่าสุดดูเหมือนจะมีแววได้เก็บข้าวเก็บของแล้ว เนื่องจากในเกม ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ที่ต้นสังกัด ทีมราชันชุดขาว เอาชนะ เซบีย่า 2-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 12 สิงหาคม นั้นเจ้าตัวได้แค่นั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรองตลอดช่วง 90 นาที

ซึ่งล่าสุดท่ง เดลี่ เมล์ ได้รายงานว่า ทั้ง วู้ดเวิร์ด และ เปเรซ ได้หารือกันแล้วถึงเรื่องการย้ายทีมของ ดิ มาเรีย แถมการเจรจาดำเนินไปได้ด้วยดีอีกด้วย แต่ดูเหมือนว่าทาง เรอัล มาดริด นั้นต้องการเงินจำนวน 50 ล้านยูโรหรือ 2,250 ล้านบาท ในการปลดเปลื้องตัวปีกเลือด ทีมฟ้า-ขาว ให้กับทางทีม ปีศาจแดง


ทางด้านCH3ร่วมกับCTHถ่ายสดบาร์เคลย์สพรีเมียร์ลีก3ฤดูกาล





หลังจากที่ทาง ช่อง 3 จับมือ CTH เปิดแคมเปญ เดอะ สเตเดี้ยม ออฟ ไลฟ์ ถ่ายสดบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก

ซึ่งสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับบริษัท ซีทีเอช แถลงข่าวร่วมมือกันในการเปิดแคมเปญ เดอะสเตเดี้ยม ออฟ ไลฟ์ ถ่ายทอดสดตารางบอลบาร์เคลย์ส พรี เมียร์ลีก 

โดยที่จะให้แฟนบอลจะรอบรู้รับชมออนไลน์ฟรีพ้นทาง 3 Family ช่อง 13 ช่อง 3 SD ช่อง 28 และช่อง 3 HD ช่อง 33 โดยครั้งนี้สถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 ทุ่มทุนมหาศาลจับมือกับบริษัท CTH ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายถ่ายทอดสดผลบอลบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย 

ที่ได้นำเกมส์ลีกอย่างบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก 2014/2015 มาออกอากาศผ่านช่องทีวีในเครือช่อง 3 โดยในฤดูกาลนี้ช่อง 3 ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสด บาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก ถึง 23 แมตช์ 

ซึ่งจะออกอากาศแมตช์ระหว่างทีมเอฟเวอร์ตันและอาร์เซนอล ทางช่อง 3 Original และช่อง 3 HD ในคืนวันแรกเสาร์ 23 สิงหาคม เวลา 23.15 นาฬิกา

เมื่อถนนหนทางฮัลล์เล่นของสูงเล็งกระชากเวลเบ็ค770ล.




สำหรับโปรแกรมบอลทีม ฮัลล์ นั้น แผนสูงเล็งคว้า เวลเบ็ค เสียบแทน ลอง ที่จ่ออพยพไปทีม นักบุญ ในเร็ววันนี้ สื่อเผยเอาจริงสุดๆ เตรียมงบซื้อตัวไว้ถึง 770 ล้านบ. หวังกระชากล่าตาข่ายให้ได้

เมื่อทีมฮัลล์ ซิตี้ ทีมดังใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เล็งคว้าตัว แดนนี่ เวลเบ็ค กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเสียบแทน เชน ลอง หัวหอกคนสำคัญซึ่งกำลังจะเขยื้อนไปอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในเร็ววันนี้ โดยพวกเขาพร้อมจะทุ่มทุนสร้างเพื่อดึงดาวยิงจอมยิ้มมาล่าตาข่ายให้ด้วยงบประมาณสูงถึง 14 ล้านปอนด์หรือ 770 ล้านบาท

โดยที่ทาง เดลี่ เมล์ ที่เป็นสื่อชื่อดังอ้างว่าแม้ทาง พญาเสือ จะมีเงินมากพอทำให้ทีม ปีศาจแดง ต้องคิดหนัก แต่พวกเขาก็ต้องกล่อมทั้ง หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้ยอมอนุมัติขายหัวหอกรายนี้ รวมถึงกล่อมให้ตัวนักเตะยอมเลือกตั้งย้ายทีมให้ได้ด้วย

ซึ่ง เวลเบ็ค วัย 23 ปีมีสถานะเป็นดาวยิงสำรองตัวเลือกแรกหาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ เวย์น รูนีย์ ซึ่งเป็นคู่ศูนย์หน้าตัวจริงนั้นไม่พร้อมจะลงสนาม หลังหัวหอกคู่แข่งอีกรายอย่าง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ มีแนวโน้มจะถูกขายทิ้งออกไปมากกว่า



เมื่อเอ็นริเก้ยันซัวเรซต้องปรับตามเมสซี่




โดยที่เอ็นริเก้ ยัน เมสซี่ เป็นแกนหลักที่ทุกคนใน ทีมบาร์ซ่า ต้องปรับตัวตามให้ได้ ไม่เว้น ซัวเรซ ที่ย้ายมาใหม่ เพื่อให้แข้งอาร์เจนไตน์เดินเกมได้อย่างอิสระ

ซึ่งหลุยส์ เอ็นริเก้ เทรนเนอร์ของ บาร์เซโลน่า ในศึก ลา ลีกา สเปน ยืนยันว่า จะไม่มีการย้ายตำแหน่งของ ลิโอเนล เมสซี่ ศูนย์หน้าคนสำคัญ เพื่อหลีกทางให้ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงรายใหม่ทำหน้าที่ได้สะดวก เนื่องจากทุกคนต้องปรับตัวเข้าหาแข้งกำลังหลักที่มีอยู่ก่อนแล้ว และยังต้องทำตามแผนของครูฝึกอย่างเลี่ยงไม่ได้

หลังจากที่ กุนซือลูกหม้อแห่งถิ่น คัมป์ นู กล่าวถึงความสำคัญของแข้งอาร์เจนไตน์ว่า ลีโอ มีทางเลือกมากมาย เราจะปิดกั้นเขาไม่ได้ เขามีอิสรภาพที่จะไปได้ทุกพื้นที่ในแนวรุก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก และเราจะต้องปรับตามเขา

แต่ว่าอย่างไรก็ดี เอ็นริเก้ ยอมรับว่า แม้จะมีชื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงฟันคมในเกมอุ่นเครื่องกับ คลับ เลออน วันที่ 18 สิงหาคม นี้ แต่อาจไม่ได้เห็น เมสซี่ รวมถึง เนย์มาร์ โดยขอให้แฟนๆ ที่จะมาชมเกมทำใจล่วงหน้า ตอนนี้เรายังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในตอนนี้ แต่ทีมของเราจะพยายามให้มากขึ้น



ทีมผีได้ป่าวประกาศเบอร์เสื้อ ยานาไซ ยึดเบอร์11 เบอร์7 และ 9 ยังว่างอยู่





เมื่อทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศเบอร์เสื้อของนักเตะอย่างเป็นทางการแล้ว

ซึ่งเพื่อตัวของ อัดนาน ยานาไซ ที่เป็นปีกดาวรุ่งของทีม ได้เบอร์ 11 ไปครอง โดยหลังจากที่ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งเป็นความเป็นเจ้าของเสื้อเบอร์นี้ ซึ่งได้หมายประกาศแขวนสตั๊ดไปหลังจบฤดูกาลก่อน ซึ่งตอนแรกมีการคาดกันว่าทีมอาจจะเก็บเบอร์นี้ให้แข้งดาวดังที่พวกเขาจะคว้ามาร่วมทัพ

ซึ่งในขณะที่ ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ ได้รับเบอร์ 3 แทนนที่ของ พาทริซ เอฟร่า ที่ย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุสขณะที่ อันเดร์ เอร์เรร่า มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน 2 ได้รับมอบหมายให้ใส่เบอร์ 21 เหมือนตอนอุ่นเครื่อง

และในส่วนของเบอร์ 7 และเบอร์ 9 ยังว่างอยู่ ขณะที่นักเตะหน้าเดิมส่วนใหญ่แล้วก็ยังได้สวมเสื้อเบอร์เก่าแทบทั้งสิ้น

โดยที่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประกาศ หมายเลขเสื้อของนักเตะ อย่างเป็นทางการเพื่อสู้ศึก พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2014/2015

1. ดาวิด เด เกอา
2. ราฟาเอล ดา ซิลวา
3. ลุค ชอว์
4. ฟิล โจนส์
6. จอนนี่ อีแวนส์
8. ฆวน มาต้า
10. เวย์น รูนีย์ (กัปตัน)
11. แอดนาน ยานูไซจ์
12. คริส สมอลลิ่ง
13. อันเดอร์ส ลินเดการ์ด
14. ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ
16. ไมเคิล คาร์ริค
17. นานี่
18. แอชลีย์ ยัง
19. แดนนี่ เวลเบ็ค
20. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
21. อังเดร์ เอร์เรร่า
22. นิค พาวเวลล์
23. ทอม เคลฟเวอร์ลีย์
24. ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ (รองกัปตัน)
25. อันโตนิโอ วาเลนเซีย
26. ชินจิ คากาวะ
28. แอนเดอร์สัน
29. วิลเฟรด ซาฮา
30. กิเยร์โม บาเรล่า
31. มารูยาน เฟลไลนี่
34. ทอม ลอว์เรนซ์
35. เจสซี่ ลินการ์ด
36. มาร์นิค เฟอร์มิจล์
38. ไมเคิล คีน
39. ทอม ธอร์ป
40. เบน เอมอส
41. รีซ เจมส์
42. ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์
45. ดาวิเด เปตรุซซี่
46. โจ รอธเวลล์
48. วิลล์ คีน
49. เจมส์ วิลสัน
50. แซม จอห์นสโตน

ภาพจาก : Devil Magazine

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เก็บข่าวฟุตบอลในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมาช่วงวันที่ 11 - 20 สิงหาคม 57 ห้ามคลาดเคลื่อนโดยเด็ดขาด


ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เบิร์นลี่ย์ พบ เชลซี


  • ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 
  • วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2557 
  • เบิร์นลี่ย์ - เชลซี
  • สนาม : เทิร์ฟ มัวร์
  • เวลา : 02.00 นาฬิกา 
  • ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์
  • ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 4 
ดูสดที่นี่ >> http://footballclubpza.blogspot.com/



ทีมเบิร์นลี่ย์

ครั้งฌอน ไดซ์ กุนซือของทัพทีม เจ้าตูบ ต้องนำลูกทีมลงพบกับศึกหนัก ตั้งแต่นัดแรกในการกลับมาโลดแล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก อีกครั้งนึง เมื่อต้องพบกับ เชลซี ทีมยักษ์ใหญ่จากเมืองหลวง

แต่อะไรก็ตามพวกเขาก็ทำผลงานได้ไม่เลวในการอุ่นเครื่อง ก่อนเปิดฤดูกาล ด้วยผลงาน ลงแข่ง 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 นอกจากนี้ยังยิงประตูได้ทุกนัดอีกด้วย

ทางด้านสถานภาพความพร้อมของทีมนั้น แซม โวคส์ คือนักเตะรายเดียวที่ ไดซ์ จะหมดสิทธิ์ใช้งานในเกมเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีม สิงโตน้ำเงินคราม เนื่องจากยังคงมีสภาพบาดเจ็บบริเวณหัวเข่ารบกวนอยู่นั่นเอง

ในส่วนผู้เล่นรายอื่นๆ นั้นฟิตพร้อมลงสนามทั้งหมด โดยในเกมนี้ แม็ทธิว เทย์เลอร์ และ ลูคัส จัตคีวิซส์ 2 แข้งใหม่ที่เพิ่งจะเซ็นเข้ามาร่วมทัพ ในช่วงซัมเมอร์นี้ มีลุ้นลงเล่นเป็นตัวจริงอีกด้วย

รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม 

  1. ทอม ฮีตัน 
  2. เบ็น มี
  3. เจสัน แช็คเคลล์
  4. ไมเคิ่ล ดัฟฟ์
  5. คีแรน ทริปปิเยร์
  6. ดีน มานี่ย์
  7. แม็ธธิว เทย์เลอร์
  8. สก็อตต์ อาร์ฟิลด์
  9. แดนนี่ อิ้งส์
  10. ไมเคิ่ล ไคท์ลีย์
  11. ลูคัส จัตคีวิซส์



ทีมเชลซี

ทีมเชลซี ซึ่งทรงไว้ภายใต้การคุมคณะของกุนซือจอมอหังการอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ทำผลงานในการอุ่นเครื่องได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะมีการทดลองระบบ และตัวผู้เล่นใหม่ๆ มากมาย แต่ก็ยังสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 6 นัด จาก 8 เกม ที่ลงสนาม โดยซัดไปถึง 18 ลูก และเสียไป 9 ประตูด้วยกัน

ทางด้านของสภาพความพร้อมของทีม  เชลซี แทบจะไม่พบปัญหาในการจัดตัวผู้เล่นลงสนามในเกมนัดนี้เลย จะขาดสะบั้นก็แค่ รามิเรส กองกลางชาวบราซิลเลี่ยนรายเดียวที่ติดโทษแบนอยู่

ในส่วนของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่ได้รับเจ็บในเกมอุ่นเครื่อง ก็น่าจะฟิตกลับมาทันออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรองได้ โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดในการจัดทัพของ ทีมสิงห์บลูส์ น่าจะเป็นการแย่งตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ 1 ระหว่าง 1.ปีเตอร์ เช็ก กับ 2.ติโบต์ กูร์กตัวส์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น กูร์กตัวส์ มากกว่าที่จะได้รับโฉลกในเกมนัดนี้

รายชื่อ11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม 
  1. ติโบต์ กูร์กตัวส์ 
  2. บรานิสลาฟ อิวาโนวิช
  3. แกรี่ เคฮิลล์
  4. จอห์น เทอร์รี่
  5. ฟิลิปเป้ หลุยส์
  6. เชส ฟาเบรกาส
  7. เนมานย่า มาติช
  8. ออสการ์,
  9. วิลเลี่ยน
  10. เอเเด็น อาซาร์
  11. ดิเอโก้ คอสต้า 

โดยสถิติที่น่าสนใจมีดังนี้

1.ทั้งคู่เคยพบกันมา 67 ครั้งก่อนหน้านี้ ไม่น่าค้างว่าเป็นฝั่งเบิร์นลี่ย์ ที่ทำได้ดีกว่า ชนะไปได้ 33 นัด เสมอกัน 13 นัด และแพ้ไป 21 เกม

2.โดยหากนับกันเฉพาะเกมที่เล่นในรังของ เจ้าตูบ 33 นัด เจ้าบ้านเอาชนะได้ถึง 18 เกม และแพ้เพียงแค่ 7 นัดเท่านั้น

3.อย่างไรก็ตาม 5 นัดหลังสุดบนเวทีลีกสูงสุดแดนผู้ดี เชลซี ชนะได้ถึง 4 เกม และเสมอ 1

4.ครั้งล่าสุดที่ทั้ง 2 ทีมพบกัน ต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2009/2010 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่เบิร์นลี่ย์ อยู่ในลีกสูงสุด เกมนั้นเชลซี บุกมาเอาชนะไปได้ 1-2 ประตู

5.หากย้อนกลับไปในฤดูกาลที่ผ่านมา 15 เกมหลังสุดในบ้านตัวเอง เบิร์นลี่ย์ เอาชนะคู่แข่งได้ถึง 11 เกม และแพ้กับเสมอ อย่างละ 2 เกมด้วยกัน แต่นั่นก็เป็นเกมในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ

6. ทีมสิงห์บลูส์ เองก็ไม่น้อยหน้า 15 เกมเยือนหลังสุดในพรีเมียร์ลีก พวกเขาชนะได้ 9 นัด เสมอ 2 แพ้ 4

7.แถม 3 นัดล่าสุดนอกบ้านของ เชลซี ชนะรวด โดยเป็นการชนะ สวอนซี ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

8.ดาวซัลโวสูงสุดของ เชลซี ในฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่ใช่นักเตะในตำแหน่งกองหน้า แต่เป็นกองกลางอย่าง เอแด็น อาซาร์ โดยซัดไป 14 ประตูด้วยกัน

9.หาก ติโบต์ กูร์กตัวส์ ได้ลงเล่นเป็นผู้รักษาประตูตัวจริง จะเป็นการลงเล่นแมตซ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกกับ เชลซี หลังจากย้ายมาอยู่กับทีมตั้งแต่ปี 2011

10.อายุเฉลี่ยของผู้เล่นเบิร์นลี่ย์ ชุดนี้อยู่ที่ 26.6 ปี ส่วน ทีมสิงโตน้ำเงินคราม อยู่ที่ 26 ปี




ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทีมนิวคาสเซิ่ล - ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้



  • ปรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
  • วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม
  • นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด - แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • สนาม : เซนต์ เจมส์ พาร์ค
  • เวลา : 22.30 น.

ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด



ทีม สาลิกาดง ซึ่งอยู่ภายใต้การคุมทีมของ อลัน พาร์ดิว ก่อนกำหนดจะเปิดซีซั่นใหม่ พาทีมลงเล่นเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด 8 นัด ต้องบอกว่าผลงานใช้ได้มากเลยทีเดียว โดยชนะไปถึง 5 นัด ที่เหลือแบ่งเป็นเสมอ 1 นัด และ แพ้ 2 นัด

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ นิวคาสเซิ่ล จะทำผลงานดีช่วงปรีซีซั่น แต่ถึงกระนั้นแมตช์เปิดฤดูกาล 4 ครั้งหลังสุด พวกเขาชนะได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น ที่เหลือเสมอ 1 นัด และแพ้ 2 นัด แถมวันนี้ยังต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เรือใบสีฟ้า อีกด้วย ดูแล้วขอเพียง 1 คะแนน น่าจะเป็นที่พอใจ

ในส่วนสภาพความพร้อมของทีม นิวคาสเซิ่ล ค่อนข้างจะมีปัญหาพอสมควร เพราะจะขาด 1.เซียม เดอ ยอง นักเตะตัวใหม่ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ รวมไปถึง 2.ชีค ติโอเต้, 3.ดาวิเด้ ซานตอน และ 4.ปาปิสส์ ซิสเซ่ ที่มีปัญหาเดี้ยงทั้งหมด

ซึ่งนั่นก็ยังโชคดีที่นักเตะรายใหม่ ที่ พาร์ดิว เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีม จะพร้อมลงสนามทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น 1.ดาริล ยานมัต, 2.เรมี่ กาเบลล่า, 3.เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ และ 4.แจ็ค โคลแบ็ค ผสมกับนักเตะคนสำคัญของทีมอย่าง 5.มุสซ่า ซิสโซโก้, 6.ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่

รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่คิดว่าจะลงสนามของ ทีมนิวคาสเซิ่ล  
  1. ทิม ครูล 
  2. ดาริล ยานมัต
  3. ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่
  4. ไมค์ วิลเลียมสัน
  5. มัสซาดิโอ ไอดาร่า 
  6. แจ็ค โคลแบ็ค
  7. ฟูร์น่อน อนิต้า
  8. มุสซ่า ซิสโซโก้
  9. เรมี่ กาเบลล่า 
  10. เอ็มมานูเอล ริวิแยร์
  11. ฟาคุนโด้ แฟร์เรย์ร่า


ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้


ทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งอยู่ภายใต้การคุมทีมของ มานูเอล เปเยกรินี่ ซึ่งพาทีมคว้าแชมป์ลีก เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ทำผลงานในช่วงปรีซีซั่น พอใช้ได้ โดยลงลับแข้งไป 7 นัด ชนะ 4 แพ้ 3 แพ้การดวลจุดโทษ 2 นัด ก่อนนัดล่าสุดจะมาพ่ายต่อ อาร์เซน่อล แบบย่อยยับ 0-3 ในศึก คอมมูนิตี้ ชิลด์

ซึ่งเกมนี้ทีม เรือใบสีฟ้า จำเป็นจะต้องเรียกขวัญและกำลังใจกลับมาให้ได้ เนื่องจากสถิติที่ผ่านมา เมื่อพบกับ นิวคาสเซิ่ล ต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าชัดเจน เพราะ 16 นัด รวมทุกรายการ ไม่เคยพ่ายให้กับทีม สาลิกาดง เลยแม้แต่นัดเดียว

ทางด้านสภาพความพร้อมของทีม จะยังไม่มี อัลบาโร่ เนเกรโด้ อยู่เหมือนเดิม แต่ดูแล้วไม่น่าจะส่งผลอะไรมากนัก เพราะยังมีทั้ง 1.เอดิน เชโก้ และ 2.สเตฟาน โยเวติช ที่ทำผลงานได้ดีในช่วงปรีซีซั่น รวมถึงข่าวดีสุดๆ เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร่ สลัดอาการบาดเจ็บเรียบร้อย ต้องรอเช็กความฟิต แต่ดูแล้วน่าจะนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน

ในส่วน เอเลียควิม ม็องกาล่า ก็น่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน เพราะยังไม่ฟิตเต็มสูบ ขณะที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู เชื่อว่า โจ ฮาร์ท จะได้ออกสตาร์ทลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริง ด้านแผงมิดฟิลด์ ไม่ต้องพูดถึงอืดเปรี๊ยะ มีทั้ง 1.ยาย่า ตูเร่, 2.ดาบิด ซิลบา และ 3.ซามีร์ นาสรี่

รายชื่อ 11 ผู้ล่นที่คาดว่าจะลงสนามของ ทีมแมนฯ ซิตี้ 
  1. โจ ฮาร์ท 
  2. ปาโบล ซาบาเลต้า
  3. แว็งซ็องต์ ก็องปานี
  4. มาติย่า นาสตาซิช
  5. อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ 
  6. แฟร์นานโด
  7. ยาย่า ตูเร่
  8. ดาบิด ซิลบา
  9. ซามีร์ นาสรี่ 
  10. สเตฟาน โยเวติช
  11. เอดิน เชโก้

มาดูสถิติที่น่าสนใจกันหน่อย


1.ทั้งคู่พบกันมาแล้วทั้งหมด 133 ครั้ง สถิติค่อนข้างสูสี โดย นิวคาสเซิ่ล ชนะไป 51 นัด ส่วน แมนฯ ซิตี้ ชนะ 50 นัด และเสมอกันอีก 32 นัด


2.แต่หากนับแค่การเจอกันในถิ่น เดอะ แม็กพายส์ ทั้งหมด 67 นัด เป็น สาลิกาดง ชนะไปถึง 39 นัด เสมอ 13 นัด และแพ้เพียง 15 นัด

3.อย่างไรก็ตาม 15 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก เรือใบสีฟ้า ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อ สาลิกาดง เลยแม้แต่นัดเดียว โดยชนะไปถึง 13 นัด และเสมอ 2 นัด

4.และ 9 นัดหลังสุดที่ทั้งคู่พบกันในลีก ทั้งเกมเหย้าและเกมเยือน เป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ชนะรวดทั้ง 9 นัด

5.3 จาก 4 ฤดูกาล หลังสุด นิวคาสเซิ่ล ไม่สามารถทำประตูได้เลยในแมตช์เปิดซีซั่นใหม่ เมื่อต้องพบกับทีมบิ๊กโฟร์

6.ช่วงเวลาที่ แมนฯ ซิตี้ ไม่แพ้ในเกมนัดแรกของลีก มาแล้วนับตั้งแต่ซีซั่น 2009 โดยชนะ 4 นัด เสมอ 1 นัด

7.โดยครั้งสุดท้ายที่ เรือใบสีฟ้า แพ้แมตช์ประเดิมเกมลีกซีซั่นใหม่ คือพ่ายต่อ แอสตัน วิลล่า 2-4 ฤดูกาล 2008

8. 8 นัดหลังสุดของ สาลิกาดง ในลีก ถือว่าย่ำแย่ หลังชนะได้แค่ 1 นัด และแพ้ 7 นัด









เมื่อฟาน กัล ส่อจะโหละ สามแข้ง ให้พ้นทีม



เมื่อหลุยส์ ฟาน กัล จัดหนักส่อที่จะตัด 1.นานี่, 2.แอนเดอร์สัน และ 3.วิลฟรีด ซาฮา ออกจากทีมชุดใหญ่ของทีม ผีแดง แมนฯยู แต่แดนนี่ เวลเบ๊กคาดได้อยู่ร่วมทีมต่อไป

โดยที่กุนซือวัย 60 เตรียมปฎิบัติการโละ 
  1. นานี่ ปีกทีมชาติโปรตุเกส
  2. แอนเดอร์สัน มิดฟิลด์แซมบ้า 
  3. วิลฟรีด ซาฮา ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษ 

และทั้ง 3 คน จะไม่มีชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่ของสโมสร โดยก่อนเกมที่ แมนฯยู จะลงเล่นกับสวอนซี ในการเล่นนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก ฟาน กัล สั่งให้นักเตะชุดใหญ่มาซ้อมที่สนามซ้อมคาร์ริงตั้นในเวลา 16.00 นาฬิกา 

แต่สำหรับ 1.นานี่, 2.แอนเดอร์สัน และ 3.ซาฮา ถูกสั่งให้มาสนามซ้อมในเวลา 17.30 นาฬิกาแทน ไม่ได้อยู่ฟังแผนการลงเล่นในเกมกับสวอนซี และในเกมนัดเปิดบ้านพ่ายสวอนซี ก็มีเพียงนานี่ ที่ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรอง 

ทำให้คะเนได้ว่าทั้ง 3 คนจะถูกขายออกจากทีมก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดลง ในขณะที่ แดนนี่ เวลเบ๊ก กองหน้าทีมชาติอังกฤษของทีม ผีแดง ที่ตกเป็นข่าวว่าสตีฟ บรู๊ซ กุนซือฮัลล์ ซิตี้ อยากได้ตัวไปร่วมทีม คาดว่าจะได้อยู่ร่วมทีมต่อไป แม้ว่าอาจจะไม่ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอก็ตาม




เมื่อโมเรโน่ยาหอมยกหงส์เจ๋งที่สุดในลีกผู้ดี



เมื่อ โมเรโน่ รู้งาน ที่จะต้องกล่าวยกย่องทีม หงส์แดง ต้นสังกัดใหม่เป็นยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษพร้อมเผยปรึกษา 1.เรน่า, 2.อลอนโซ่ และ 3.อาร์เบลัว ก่อนย้ายทีม

โดยที่อัลเบร์โต้ โมเรโน่ แบ็กซ้ายบ้ายแดงของสโมสรลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงชมต้นสังกัดใหม่ ด้วยการยกให้ทัพทีม หงส์แดง เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศอังกฤษ และตนเองก็มีความสุขมากที่ได้ย้ายมายังถิ่นแอนด์ฟิล พร้อมลั่นจะทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อสโมสรใหม่

หลังจากที่แบ็กซ้ายวัย 22 ปี ได้กลายมาเป็นสมาชิกรายล่าสุดของทัพทีม หงส์แดง หลังจากที่เซบีย่า ตอบรับข้อเสนอ 12 ล้านปอนด์หรือ 660 ล้านบาท ที่ทีมลิเวอร์พูล ได้ยื่นเข้าไปให้พิจาราณา โดยเจ้าตัวก็ไม่รอช้า รีบหยอดใส่ต้นสังกัดใหม่ทันทีโดยระบุว่า ในมุมมองของผมทีม ลิเวอร์พูล คือสโมสรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอังกฤษ และผมก็ไม่อยากเสียโอกาสในการย้ายเล่นที่นี่

เขายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผมได้คุยกับ 1.ซาบี อลอนโซ่, 2.โฆเซ่ เรน่า และ 3.อัลบาโร่ อาร์เบลัว โดยที่ทั้ง 3 คนเป็นอดีตผู้เล่นของลิเวอร์พูล ซึ่งโขยงเขาต่างบอกกัผมว่าสโมสรนี้มีแฟนบอลที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาก็ยังบอกกับผมอีกด้วยว่า ผมจะสามารถเติบโตขึ้นมากที่สโมสรแห่งนี้ ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างลิเวอร์พูล ผมจะทุ่มเทสุดความสามารถ และพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ให้กับทีม




หลังจากที่มอยส์โอดว่าผีให้เวลาน้อยเกิน




เมื่อมอยส์ โอด ไม่ได้รับเวลามากพอในการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเชื่อว่า เขาคือคนที่ใช่สำหรับแคมป์ทีม ปีศาจแดง หากไม่โดนปลดซะก่อน

หลังจากที่เดวิด มอยส์ อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชื่อ ตัวเขาสมควรได้รับโอกาสคุมทีม ปีศาจแดง ให้นานกว่านี้ หลังจากโดนปลดจากตำแหน่งนายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังคุมทีมไปได้แค่ 10 เดือน ทั้งๆ ที่เซ็นสัญญากันยาวถึง 6 ปี ก็ตาม

เมื่อมอยส์ นั้นเข้ามาคุมโปรแกรมบอลทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือชาวสกอตแลนด์ที่วางมือไป โดยเขาทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ด้วยการทำทีมจบอันดับที่ 7 และโดนสั่งปลดออกจากตำแหน่งในที่สุด

โดยที่มอยส์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อผมลองมองย้อนกลับไป ผมได้มีโอกาสทำงานที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่นั่นคืองานที่ใช่สำหรับผม ผมเคยอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน มานานกว่า 11 ปี เราสามารถทำอันดับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ได้เข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ และผมได้รับการโหวตให้เป็นผู้จัดการยอดเยี่ยม 3 สมัย ผมคือหนึ่งในผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก และยูไนเต็ด เอง ก็มีแต่ผู้จัดการทีมที่มาจากเกาะอังกฤษ

เขากล่าว ว่าผมเสียใจที่ ต้องเสียงานนั้นไป เพราะผมรู้สึกว่า ผมสามารถทำทีมประสบความสำเร็จได้ เรารู้ดีว่าเวลาเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง เรากำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ในที่สุดแล้ว ผมไม่คิดว่าตัวเองได้รับเวลามากเพียงพอ ที่จะที่จะทำทีมประสบความสำเร็จ หรือจะตัดสินว่าผมล้มเหลว

และนอกจากนี้ มอยส์ ยังได้เผยว่า เมื่อสมัยเขาคุมทีมนั้น ได้เล็งที่จะคว้าตัวซูเปอร์สตาร์ระดับโลกเข้าสู่ทีมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 1.คริสเตียโน่ โรนัลโด้, 2.แกเรธ เบล หรือจะเป็น 3.เชส ฟาเบรกาส ก่อนที่จะพลาดไปทั้งหมด ซึ่งมีมีข่าวลงว่าเราต้องการ 1.ฟาเบรกาส, 2.เบล และ 3.โรนัลโด้ เป็นเรื่องจริงที่เราได้มีการคุยเรื่อง โรนัลโด้ ตั้งแต่ผมเข้ามา เราเกือบจะเซ็นสัญญานักเตะชื่อดังมาได้ แต่ก็พลาดไป อย่างไรก็ตามผมไม่ใช่คนที่ควรโดนตำหนิเกี่ยวกับเรื่องนี้


วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เก็บข่าวฟุตบอลพระขนองทีมหงส์แดงบุกไปหั่นชนะเลิศทีมนักบุญด้วยกันทีมเรือใบบุกเชือดสาลิกาคาบ้าน 2-0


ประเดิมได้ดีหลังหงส์ดึงขึ้นรังเฉือนนักบุญ 2-1




  • ฟุตบอล : พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
  • วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2557
  • ลิเวอร์พูล 2 - 1 เซาธ์แฮมป์ตัน
  • สนาม : แอนฟิลด์
  • ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก
ในศึกฟุตบอลโปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2014-15 นิจสินวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2557 โดยคู่เอกเป็นเกมที่สนามแอนฟิลด์ ระหว่างทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีม นักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน

เริ่มเกมมาในครึ่งแรก

หลังจากผ่านไป 5 นาที ลิเวอร์พูล ครอบครองบอลได้มากกว่า แต่ก็ยังหาโอกาสจบสกอร์ไม่ได้

นาทีที่ 7  เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นก่อน จากโอกาสอันควรลองสับไกครั้งแรกของ สเตอร์ริดจ์ แต่ลูกเหินข้ามคานออกไปเยอะ

นาทีที่ 13 โดยมายะ โยชิดะ ผู้เล่นเซาธ์แฮมป์ตันไปเกี่ยวขา แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ล้มบริเวณเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินเฉยทำให้ทีม นักบุญ รอดเสียฟรีคิกระยะหวังผล



นาทีที่ 23 เมื่อแฟนเจ้าบ้านก็ได้เฮ เมื่อมาได้ทวารออกนำ เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แย่งชิงบอลได้กลางสนาม แล้วโยนให้ ราฮีม สเตอร์ลิง สปีดไปรับบอลก่อนแปเล่นทางผ่านมือ ฟอสเตอร์ เข้าไป ทำให้ลิเวอร์พูล ออกนำ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0

นาทีที่ 34 ทีมลิเวอร์พูล มาชำรุดทรุดโทรมฟรีคิกด้านซ้าย เจมส์ วอร์ด-เพราส์ แข้งนักบุญเปิดเข้าไปหน้าประตู แต่บอลจะเสียบสามเหลี่ยมเสาไกล ทำให้ ซิมง มินโญเลต์ ต้องออกแรงกระโดดปัดทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิด


มาถึงสู่ช่วงทดเวลา เซาธ์แฮมป์ตัน มีโอกาสลุ้นอีกจาก มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ได้ซัดนอกกรอบบอลพุ่งตรงประตู แต่ ซิมง มินโญเลต์ ยังเหนี่ยวกระโดดปัดบอลข้ามคานออกไปได้อีกครั้ง

โดยเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม ทำให้หมดครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังนำ เซาธ์แฮมป์ตัน อยู่ 1-0

เริ่มเกมมาในครึ่งหลัง

นาทีที่ 53 ทีมลิเวอร์พูล มีจังหวะลุ้น เมื่อ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จ่ายบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้ลองส่องยิงไกลฟุตบอลเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว



นาทีที่ 55 แฟนทีมนักบุญ ก็ได้เฮบ้าง เมื่อ เนธาเนียล ไคล์น ได้บอลด้านกราบขวา ก่อนจ่ายสั้นให้ ดูซาน ทาดิช ตอกลูกส้นคืนให้ ไคล์น วิ่งไปรับในเขตโทษยิงยัดเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด ทำให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ตีเสมอเป็น 1-1

นาทีที่ 63 ทีมเยือนเกือบจะได้ประตูที่2 จากจังหวะที่ ดูซาน ทาดิช ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ สตีเว่น เดวิส ได้แปคนเดียวโล่งๆ แต่ยิงได้ไม่แรงพอ ทำให้ มิโญเล่ต์ ล้มตัวเซฟไว้ได้พลาดโอกาสทองอย่างน่าเสียดาย




นาทีที่ 79 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูออกนำอีกครั้ง เป็น 2-1 จากจังหวะเคลียร์บอลไม่ขาดของ เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิง จะโหม่งตั้งมาหน้าประตูให้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ สะกิดลูกบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไปง่ายๆ

นาทีที่ 88 ทีมเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน พลาดโอกาสทองอีกครั้ง เมื่อ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ได้ซัดเต็มๆในเขตโทษ แต่ ซิมง มินโญเลต์ ยังปัดได้ปลายมือบอลชนคานกระดอนออกมาเข้าทาง เชน ลอง ยืนโขกคนเดียวเหน่งๆหลุดกรอบออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย

เข้าสู่ช่วงทดเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มเติมกันไม่ได้ ทำให้จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดใจบ้านนัดแรกของฤดูกาลเฉือนชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปแบบสุดมันส์ 2-1

นี่ลงความว่ารายชื่อ11คนแรกของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : 

  1. ซิมง มินโญเลต์
  2. ฆาเบียร์ มานกีโย่
  3. มาร์ติน สเคอร์เทล
  4. เดยัน ลอฟเรน
  5. เกล็น จอห์นสัน
  6. สตีเว่น เจอร์ราร์ด
  7. ลูคัส เลว่า
  8. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
  9. ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
  10. ราฮีม สเตอร์ลิง
  11. แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

เซาธ์แฮมป์ตัน (4-4-2) : 
  1. เฟรเซอร์ ฟอสเตอร์
  2. เนธาเนียล ไคล์น
  3. โชเซ่ ฟอนเต้
  4. มายะ โยชิดะ
  5. ไรอัน เบอร์ทรานด์
  6. วิคเตอร์ วานยาม่า
  7. มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน
  8. ดูซาน ทาดิช
  9. เจมส์ วอร์ด-เพราส์
  10. สตีเว่น เดวิส
  11. กราเซียโน่ เปลเล่


เมื่อ ริดจ์ช่วยหงส์เฉือนชนะนักบุญ




โปรแกรมบอลสำหรับ ริดจ์ คงจะเป็นปลื้มไม่น้อย หลังสอยประตูชัยให้ทีม หงส์แดง เฉือนชนะทีม นักบุญ เชื่อทีมเพิ่มพูนขึ้นกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ไร้เงา เหยิน ที่ย้ายออกไป ชมว่า ลิ่ง ผลงานดี หลังช่วยยิงอีกเม็ด

โดยที่แดเนี่ยล สเตอริดจ์ กองหน้าผู้ยิงประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเฉือนชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 ในเกมลีกเมื่อคืนวันอาทิตย์ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ภูมิใจกับผลงานของตัวเอง พร้อมแสดงความมั่นใจว่าทัพ หงส์แดง แข็งแกร่งขึ้นกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา แม้จะไม่มีอดีตกองหน้าอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ที่เลือกย้ายไปซบอกทีม บาร์เซโลน่าทีมใหญ่ในลีก ลา ลีกา สเปน ในช่วงก่อนนี้ก็ตามที

ซึ่ง ริดจ์ ได้กล่าวหลังจบเกมเฉือนหวิวทีม นักบุญ ว่า ผมดีใจที่ยิงทางเข้าออกนี้ได้ในวันนี้ ทั้งที่เราไม่มี (หลุยส์) ซัวเรซ ที่เขายิงให้เราถึง 30 ประตูเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผม และเพื่อนร่วมทีมคนอื่น มันคือการก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แสดงให้เห็นในวันนี้ เขาเยือกเย็นและยิงประตูได้

โดยที่ดาวยิงเลือดผู้ดีกล่าวต่ออีกว่า ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล พัฒนาขึ้นกว่าฤดูกาลก่อน การเสริมนักเตะเข้ามามากมายของผู้จัดการ ไม่ใช่ว่าเราไม่เคารพ หลุยส์ แต่เราต้องก้าวต่อไปในเวลานี้ เราแสดงให้เห็นว่าเราชนะในเกมนี้ได้ เรายิงประตูได้ และเราเล่นเกมรับได้ดี เราจะมีผลงานที่ดีในฤดูกาลนี้

ซึ่ง ผลการแข่งขันในเกมดังกล่าวทำให้ทีม หงส์แดง ขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงร่วมกับ อาร์เซน่อล และ สวอนซี ซิตี้ ที่ชนะด้วยผลการแข่งขัน 2-1 เช่นกันในสัปดาห์แรกของฤดูกาล 2014-15 ขณะที่ นักบุญ เปิดฤดูหนด้วยการรั้งอันดับ 16 ของฤดูกาล




หมูรูนรับเซ็ง หลังพ่ายประเดิมสวมปลอกแขนกัปตันผี


เมื่อ รูน ออกมายอมรับว่า ภูมิใจได้ลงทำหน้าที่กัปตันทีมอย่างเป็นทางการ แต่สุดเซ็งทีม ปีศาจแดง ประเดิมแย่ พ่าย หงส์ขาว คารัง 1-2

ซึ่งเวย์น รูนี่ย์ ที่เป็นหัวหอกตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียรืลีก อังกฤษ ออกมาเปิดเผยว่า เขารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ลงทำหน้าที่กัปตันทีมของทัพ ปีศาจแดง ในเกมนัดเปิดสนามศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ต้นสังกัดของเขาพลิกล็อกพ่ายให้กับทีม สวอนซี ซิตี้ คู่แข่งร่วมลีกไป 1-2 แต่ก็ยอมรับว่ามันเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวัง และตนก็คงจะไม่ย้อนกลับมามองเกมในนัดนี้อีก

หลังจากที่กองหน้าวัย 28 ปี เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งจาก หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมคนเอี่ยมอ่องของ แมนฯ ยูไนเต็ด แทนที่ของ เนมันย่า วิดิช กัปตันทีมคนเก่า และปาทริช เอวร่า รองกัปตันทีม ที่ย้ายออกจากทีมไปแล้วทั้งคู่หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่ได้ลงเล่นนัดแรกตั้งแต่ และได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของ รูนี่ย์ ประเดิมได้ไม่สวยนัก แม้ว่าเจ้าตัวจะสามารถทำประตูได้ก็ตาม แต่ทีม ปีศาจแดง ก็ยังแพ้ต่อทัพ หงส์ขาว ไปคาบ้าน 2-1 ซึ่งหัวหอกดีกรีทีมชาติอังกฤษ ก็ได้ยอมรับว่าเขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นักกับการประเดิมบทบาทใหม่ของเขาในเกมนี้

โดยเขากล่าวว่า มันเป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นกัปตันทีม แต่มันเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวัง มันจะไม่ใช่สิ่งที่ผมมองย้อนกลับไป และมีข้อความทรงจำที่ดีกับมัน เพราะคุณต้องอยากจะเป็นผู้ชนะเสมอ มันเป็นช่วงเวลาที่ดี แต่ผมผิดหวังจริงๆ ที่เราแพ้ในเกมนี้ รูนี่ย์ กล่าว




เรือใบบุกเชือดสาลิกา2-0 ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงชั่วคราว



  • ฟุตบอล ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
  • วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2557
  • นิวคาสเซิ่ล 0 - 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 
  • สนาม : เซนต์ เจมส์ พาร์ค
  • ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

โดยในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2014-2015 ที่สนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค เจ้าบ้านทีม สาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีม ดรณีใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

เมื่อเริ่มเกมมาได้ 3 นาที ทีมแชมป์เก่าเกือบได้โอกาสออกนำไปก่อน เมื่อ สเตฟาน โยเวติช ส่งบอลไปให้ เอดิน เชโก้ ได้วิถีทางซัดจ่อๆ ในเขตโทษ แต่ ทิม ครูล ยังไวจัดการป้องกันลูกยิงไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ในนาทีที่ 16 นิวคาสเซิ่ล มีโอกาสบ้าง เรมี่ กาแบลล่า รับบอลมาจาก มุสซ่า ซิสโซโก้ ก่อนตัดสินใจซัดโด่งจากนอกกรอบ โดยที่ โจ ฮาร์ท ออกมาจากหน้าปากประตูไปแล้ว แต่โชคไม่ดีฟุตบอลลอยโด่งข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้นเล็กๆ



ซึ่งนาทีที่ 38 แฟนๆทีม เรือใบสีฟ้า ก็มาได้เฮเสียที เมื่อ ยาย่า ตูเร่ เปิดไกลจากแดนตัวเอง บอลไปทาง เอดิน เชโก้ วิ่งเข้าไปรับในเขตโทษ ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจตอกส้นกลับมาให้ ดาบิด ซิลบา ที่สอดเข้ามาตรงกลางจัดการแปลอดขา ทิม ครูล เข้าประตูไป แชมป์เก่าขึ้นก่อน 1-0

ในช่วงท้ายครึ่งแรกยังเป็นครรลองเจ้าถิ่นที่มีโอกาสบวกประตูเพิ่มแต่ทำไม่ได้ หมดเวลาเป็นทางฝั่งทีม เรือใบสีฟ้า นำก่อน 1-0

หลังจากกลับมาช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 54 มาร์ติน เดมิเคลิส ปะทะใบเหลืองไปสอยเข้าที่เท้าของ เรมี่ กาแบลล่า หลังจากนั้นอีกสองนาทีต่อมา อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ก็ต้องมาโดนเพิ่มไปอีกคน หลังเจ้าตัวพุ่งเข้ามาสไลด์ใส่ เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ จนล้มที่ริมเส้น

มาถึงในนาทีที่ 63 ทีมนิวคาสเซิ่ล เปลี่ยนตัวคนแรก ถอด วูน่อน อานิต้า ออกไป แล้วให้ กาเบรี่ยล โอแบ็กตอง ลงสนามหญ้ามาช่วยเกมรุกของทีมให้มีความหลากหลายมากขึ้น

นาทีที่ 65 ทีมเรือใบสีฟ้า เกือบได้บวกประตูเพิ่ม เมื่อ สเตฟาน โยเวติช รับบอลจากเพื่อนที่จ่ายมาให้ ก่อนจะครอสไปหา เชโก้ ได้โหนขึ้นไปโขกตรงกลางเขตโทษ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไปเสียก่อน

นาทีที่ 72 ฝั่งทีมเยือนเปลี่ยนตัวสำรองบ้าง ส่ง แฟร์นันดินโญ่ ลงสนามหญ้ามาเป็นคนแรก โดยถอดเอา สเตฟาน โยเวติช ออกไป ถัดมาอีกสองนาที เจ้าถิ่นถอด โยอัน กุฟฟรองค์ ออกไปพัก แล้วเปลี่ยนเอา โรลันโด้ อารอน ดาวรุ่งของทีมลงสนามเป็นคนที่สอง

โดยในนาทีที่ 75 เมื่อแว็งซ็องต์ ก็องปานี โดนใบเหลืองไปเช่นกัน หลังเจตนาดับเครื่องชนใส่ แจ็ค โคลเบ็ค ที่พยายามจะลุยเข้าไปในเขตโทษ

นาทีที่ 78 ทีมเรือใบสีฟ้า ส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามมาเพิ่ม โดยเปลี่ยนเอา ซามีร์ นาสรี่ ออกไปจากสนาม

ในนาทีที่ 83 ซึ่งทีมเยือนได้เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายถอด เชโก้ ออกไปพัก แล้วให้ เซร์จิโอ อเกวโร่ ดาวยิงตัวเก่งของทีมลงสนามมาแทน ขณะที่เจ้าถิ่นเปลี่ยนคนสุดท้ายเช่นกัน ส่ง อโยเซ่ เปเรซ ลงสนามมาแทน เอ็มมานูเอล ริวิแยร์

แต่แล้วเพียงแค่นาทีเดียวที่ อโยเซ่ เปเรซ ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาก็ราวๆทำให้ทีมได้เฮ เมื่อเจ้าตัวได้โอกาสปั่นทางเสาไกลแฉลบไปโดนแนวรับของทีมเยือน บอลผ่านมือ โจ ฮาร์ท แต่โชคไม่ดีลูกลอยเฉี่ยวเสาออกไปแบบหวาดเสียว

จนมาถึงในนาทีที่ 88 แฟร์นันโด ได้โดนเหลืองไปเช่นกัน โทษฐานเจตนาเหนี่ยวใส่ มุสซ่า ซิสโซโก้ เพื่อไม่ให้เจ้าตัวได้เล่นแบบถนัด



เข้าสู่ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นโหมบุกอย่างหนักเพื่อตีเสมอแต่ไม่ได้ ก่อนที่สุดท้ายทีมจะมาเสียประตูเมื่อ เซร์จิโอ อเกวโร่ ลากมาพร้อมกับ ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ ที่ตามมาประกบ ก่อนตัดสินใจซัดดื้อๆ ด้วยซ้าย บอลถูก ทิม ครูล ปัดไว้ได้แต่ก็มาเข้าทางเจ้าตัวได้ซำอีกครั้งด้วยขวาเข้าไปได้สำเร็จให้ทีม เรือใบสีฟ้า นำห่าง 2-0

ทำให้หมดเวลา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไปได้ 2-0 ส่งผลให้ทีมเก็บชัยชนะประเดิมฤดูกาลใหม่ได้อย่างสวยงาม

นี่คือรายชื่อผู้เล่น นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (4-2-3-1) :

  1. ทิม ครูล 
  2. ดารีล ยันมาต
  3. ไมเคิ่ล วิลเลียมสัน
  4. ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่
  5. พอล ดัมเม็ทท์ 
  6. แจ็ค โคลเบ็ค
  7. วูน่อน อานิต้า 1.กาเบรี่ยล โอแบ็กตอง น.63 
  8. มุสซ่า ซิสโซโก้
  9. เรมี่ กาแบลล่า
  10. โยอัน กุฟฟรองค์ 1.โรลันโด้ อารอน น.74 
  11. เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ 1.อโยเซ่ เปเรซ น.83

ผู้เล่นสำรอง

  1. โรเบิร์ต เอเลียต 
  2. มัสซาดิโอ ไฮดาร่า 
  3. สตีเว่น เทย์เลอร์ 
  4. เมห์ดี้ อาบีด



นี่คือรายชื่อผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-4-2) :

  1. โจ ฮาร์ท 
  2. กาแอล กลิชี่
  3. มาร์ติน เดมิเคลิส
  4. แว็งซ็องต์ ก็องปานี
  5. อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ 
  6. ซามีร์ นาสรี่ 1.เจมส์ มิลเนอร์ น.78
  7. ยาย่า ตูเร่
  8. แฟร์นันโด
  9. ดาบิด ซิลบา 
  10. สเตฟาน โยเวติช 1.แฟร์นันดินโญ่ น.72 
  11. เอดิน เชโก้ 1.เซร์จิโอ อเกวโร่ น.83

ผู้เล่นสำรอง

  1. วิลล่ กาเบเยโร่ 
  2. ปาโบล ซาบาเลต้า 
  3. เดดริก โบยาต้า 
  4. เฆซุส นาบาส