แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข่าวฟุตบอล: การต่อสู้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดที่ 23 ศก 2558

ฟุตบอล: เรือบุกเจ๊าสิงห์บลูส์1-1ตามหลัง5แต้มเท่าเดิม



  • การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2014-2015 นัดที่ 23
  • การแข่งวันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2558
  • กลุ่มเชลซี 1 - 1 กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • แข่งที่สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
  • กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก


วิเคราะห์ผลบอล: ในนาทีที่ 7 ฝ่ายแมนฯซิตี้ ได้ลุ้นประตูจาก แฟร์นันดินโญ่ หลุดเข้าเขตโทษทางด้านขวาก่อนจะยิงหลุดกรอบออกหลังไป

โดยนาทีที่ 24 พวกเยือนมีโอกาสจาก เซร์คิโอ อกูเอโร่ กระซากบอลหนี เคิร์ต ซูม่า ก่อนยิงไปโดน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ปัดบอลออกไปได้

ต่อมานาทีที่ 33 เหล่าเรือใบ เล่นเกมสวนกลับเร็วและ จอห์น เทอร์รี่ สกัดบอลพลาด ทำให้ เซร์คิโอ อกูเอโร่ หลุดไปดวล ติโบต์ กูร์กตัวส์ ก่อนยิงหลุดเสาออกหลังนิดเดียว

ซึ่งนาทีที่ 42 เจ้าบ้านมาได้ประตูขึ้นนำตราบ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช โยนบอลไปให้ เอแด็น ฮาซาร์ด ปาดเร็วจากด้านซ้ายมาหน้าประตู โลอิก เรมี่ เข้าชาร์จไม่พลาด 1 - 0

กับนาทีที่ 45 ทีมเยือนตามตีเสมอทันควันทันทีที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ตัดบอลพลาดจนเข้าทาง เซร์คิโอ อกูเอโร่ ยิงอัดเข้ามาแล้ว ดาบิด ซิลบา ล้มตัวจิ้มเข้าไปเป็น 1 - 1

ต่อมานาทีที่ 55 เหล่าแมนฯซิตี้ มีลุ้นจากการโหม่งของ แฟร์นันดินโญ่ ก่อนที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ จะกระโดดปัดบอลออกหลังไป

ในช่วงท้ายเกมเหล่าเยือนบุกหนักหวังยิงประตูขึ้นนำให้ได้ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จจนจบเกม 90 นาทีเสมอกันไป 1 - 1 แบ่งฝ่ายละแต้ม ทำให้ช่องว่างยังห่างกัน 5 คะแนนเท่าเดิม


มาดูรายการผู้เล่นทั้งสองกลุ่ม


เหล่าเชลซี : ระบบ 4-2-3-1
  • ตำแหน่งผู้รักษาประตู : 1.ติโบต์ กูร์กตัวส์
  • ตำแหน่งกองหลัง : 2.บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, 3.เคิร์ต ซูม่า, 4.จอห์น เทอร์รี่, 5.เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
  • ตำแหน่งกองกลาง : 6.รามิเรส, 7.เนมันย่า มาติช – 8.วิลเลี่ยน, 9.ออสการ์, 10.เอแด็น ฮาซาร์ด
  • ตำแหน่งกองหน้า : 11.โลอิก เรมี่

คณะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4-2-3-1
  • ตำแหน่งผู้รักษาประตู : 1.โจ ฮาร์ท
  • ตำแหน่งกองหลัง : 2.บาการี่ ซานญ่า, 3.แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, 4.มาร์ติน เดมิเคลิส, 5.กาแอล กลิชี่
  • ตำแหน่งกองกลาง : 6.แฟร์นันดินโญ่, 7.แฟร์นันโด – 8.เฆซุส นาบาส, 9.ดาบิด ซิลบา, 10.เจมส์ มิลเนอร์
  • ตำแหน่งกองหน้า : 11.เซร์คิโอ อกูเอโร่

เป็นการถอนแค้นได้สำเร็จ! ผีแดงเปิดรังฝังจิ้งจอก 3 - 1 ขึ้นรั้งที่ 3





  • การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
  • แข่งวันเสาร์ที่ 31 มกราคม ปี 2558
  • กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 1 ฝ่ายเลสเตอร์ ซิตี้
  • แข่งที่สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
  • กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

หลังจากที่เริ่มต้นเกมครึ่งแรก เจ้าถิ่น หมู่แมนฯยูฯ ได้ลุ้นก่อน ในนาทีที่ 13 จากจังหวะปั่นนอกกรอบโทษของ อังเคล ดิ มาเรีย แต่บอลไปติดกำแพง

ต่อมานาทีที่ 22 เวย์น รูนี่ย์ จ่ายบอลคืนหลังพลาด เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ ฉกบอลไปได้แต่โดนเบียด ทำให้จังหวะยิงทำได้ไม่ดีพอบอลข้ามคานออกไป

พร้อมกับถัดมาอีก 1 นาทีเจ้าถิ่น ได้โต้กลับ อังเคล ดิ มาเรีย ให้ ลุค ชอว์ พาบอลขึ้นไป ก่อนเปิดเข้ากลางให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้แปเน้นๆ แต่หลุดออกไป

ในนาทีที่ 26 จากความผิดพลาดของแนวรับเลสเตอร์ ทำให้ ดาเล่ย์ บลินด์ ตัดบอลได้ ก่อนโยนขึ้นหน้าให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยิงด้วยขวาทันที บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม เจ้าถิ่น แมนฯยูฯ ออกนำ 1 - 0

นาทีที่ 31 ฝ่ายแมนฯ ยูฯ ได้ขยับหนีห่างเป็น 2 - 0 เมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เก็บบอลได้ ก่อนแทงทะลุช่องให้ อังเคล ดิ มาเรีย พาบอลขึ้นกราบซ้าย ก่อนยิงมุมแคบ มาร์ค ชวาร์เซอร์ รับไม่ติดมือ ก่อนเป็น ราดาเมล ฟัลเกา ที่วิ่งตัดเข้ามาซ้ำจ่อๆ เข้าไป

นาทีที่ 43 หมู่แมนฯยูฯ มาได้ประตูสาม จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย เวย์น รูนี่ย์ เปิดเข้ากรอบโทษ ก่อนที่ ดาเล่ย์ บลินด์ จะวิ่งฉีกหนีตัวประกบออกมาโขกที่เสาแรก และเป็น เวส มอร์แกน ที่โหม่งสกัดพลาดเข้าประตูตัวเองไป

ทำให้จบครึ่งแรก พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำ พวกเลสเตอร์ ห่างถึง 3 - 0

โหมโรงเกมส์มาในครึ่งหลังพ้นไป 5 นาที เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูเพิ่มอีก อัดนาน ยานาไซ พาบอลขึ้นทางซ้าย ก่อนปาดเข้ากลาง ราดาเมล ฟัลเกา แหย่ไม่ถึงบอล ทำให้เข้ามือ มาร์ค ชวาร์เซอร์

นาทีที่ 56 อัดนาน ยานาไซ มีโอกาสลองส่องไกล แต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกไป

นาทีที่ 60 เลโอนาร์โด้ อูยัว หลุดเดี่ยวเข้าไปเพราะมี มาร์กอส โรโฮ วิ่งตามประกบไปด้วย แล้วล็อคเข้าในก่อนล้มลงในกรอบเขตโทษ กรรมการชี้ว่า อูยัว ล้มลงเอง แมนฯยูฯรอดตัวไป

นาทีที่ 79 เหล่าเลสเตอร์ มาตีไข่แตกได้สำเร็จไล่มา 1 - 3 ครั้น มาร์ค อัลไบรท์ตัน เปิดไปเสาสอง ฟิล โจนส์ ขึ้นโหม่งไม่ถึง บอลเลยมาถึง มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ พุ่งโขกบอลเข้าไปเต็มๆ ถึงแม้จะโดนเท้า ดาบิด เด เกอา ก็ตาม

ทำให้จบเกม กรุ๊ปปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถอนแค้นคืนสำเร็จ เปิดบ้านเอาชนะ ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 3 - 1 เพิ่มเป็น 43 แต้ม ขยับขึ้นรั้งอันดับ 3 ชั่วคราว


ดูระเบียนผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองกรุ๊ป

ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ระบบ  4 - 3 - 1 - 2  :
  1. ดาบิด เด เกอา 
  2. อันโตนิโอ วาเลนเซีย เปลี่ยนตัว ฆวน มาต้า ลงมานาทีที่ 77
  3. ฟิล โจนส์
  4. มาร์กอส โรโฮ
  5. ลุค ชอว์ 
  6. อัดนาน ยานาไซ
  7. ดาเล่ย์ บลินด์
  8. อังเคล ดิ มาเรีย 
  9. เวย์น รูนี่ย์ 
  10. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เปลี่ยนตัว แพ็ดดี้ แม็คแนร์ ลงมานาทีที่ 69
  11. ราดาเมล ฟัลเกา เปลี่ยนตัว เจมส์ วิลสัน ลงมานาทีที่ 80

หมู่เลสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4 - 3 - 3 :

  1. มาร์ค ชวาร์เซอร์ 
  2. แดนนี่ ซิมพ์สัน
  3. มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ 
  4. เวส มอร์แกน
  5. ริทชี่ เดอ ลาท 
  6. แดนนี่ ดริ้งวอเตอร์ 
  7. แอนดี้ คิง 
  8. เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ 
  9. อันเดรย์ ครามาริช เปลี่ยนตัว มาร์ค อัลไบรท์ตัน ลงมานาทีที่ 62
  10. เลโอนาร์โด้ อูยัว เปลี่ยนตัว เดวิด นูเจ้นท์ ลงมานาทีที่ 62
  11. เจมี่ วาร์ดี้ เปลี่ยนตัว เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ ลงมานาทีที่ 45


วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เหล่าเรือใบบุกถล่มกลุ่มนักบุญคาเหย้าเรือน 3-0 กระโจนรุ่งโรจน์รองรับจ่าฝูง

ทีมเรือใบบุกถล่มทีมนักบุญคาบ้าน3-0 ทะยานขึ้นรองจ่าฝูง




เพราะว่าที่ 1.ยาย่า, 2.แลมพาร์ด, พร้อมทั้ง 3.กลิชี่ ได้ซัดกันคนละประตู ช่วยให้ หมู่เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเชือด กลุ่มนักบุญ เซาแธมป์ตันคาถิ่น 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2014-2015

ซึ่งศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2557 เป็น การโคจรมาพบกันของ 2 หมู่หัวตาราง ระหว่าง คณะนักบุญ เซาแธมป์ตัน รองจ่าฝูง เปิดรัง เซนต์แมรี่ส์ ต้อนรับการมาเยือนของ เหล่าเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกอันดับที่ 3 ของตาราง 

เพราะเพราะในเกมนี้ฝั่งเจ้าบ้าน โรนัลด์ คูมัน จัดทัพใหญ่ลงสนาม นำมาเพราะ

  • มอร์แกน ชไนเดอร์แลง
  • ดูซาน ทาดิช
  • สตีเว่น เดวิส
  • ซาดีโย มาเน 
  • กราเซียโน่ เปลเล่ ที่เป็นหัวหอกตัวความหวัง 


ทางด้านกรุ๊ปเยือนของ มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือใหญ่ ได้จัดทัพที่ดีที่สุดของฝ่ายลงสนาม นำทัพมาเพราะว่า

  • ยาย่า ตูเร่
  • แฟร์นันดิญโญ่
  • ซาเมียร์ นาสรี่
  • สเตวาน โยเวติช 
  • เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน


ซึ่งจนกระทั่งเริ่มเกมการแข่งขันโปรแกรมบอล นาทีที่ 5 ทีมเยือน แมนฯ ซิตี้ ได้ทักทายก่อนจากจังหวะ ยิงไกลของ กาแอล กลิชี่ แต่บอลเหินออกหลังไปไกล

ในนาทีที่ 15 กลุ่มแมนฯ ซิตี้ นั้นยังครองเกมส่วนใหญ่เอาไว้ได้ ยาย่า ตูเร่ ส่องไกล แต่บอลไปตรงตัว เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ รับเอาไว้ได้สบายๆ

ต่อมาในนาทีที่ 20 แฟน พวกนักบุญ เกือบได้เฮ จากจังหวะโยนบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษของ ชไนเดอร์แลง ให้กับ กราเซียโน่ เปลเล่ แต่เจ้าตัวยิงไปติด โจ ฮาร์ท บอลกระดอนออกมา สตีเว่น เดวิส ซ้ำไปติดเซฟ โจ ฮาร์ท มาเข้าทาง ดูซาน ทาดิช แต่เจ้าตัวก็ยิงไม่ข้าม โดน โจ ฮาร์ท บล็อกลูกออกหลังไปได้หวุดหวิด

นาทีที่ 30 คณะแมนฯ ซิตี้ นั้นเกือบได้ประตู จากจังหวะที่ ซาเมียร์ นาสรี่ จ่ายให้ โยเวติช หลุดเข้าไปยิง ติดเซฟ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ บอลปลิ้นเกือบจะเข้าประตู แต่โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ตามมาเคลียร์ทิ้งได้ที่เส้นประตู หวุดหวิดจักเสียประตูให้กับ แมนฯซิตี้

พร้อมกับช่วงเวลาที่เหโจษนั้น เจ้าบ้าน กรุ๊ปเซาแธมป์ตัน ดูจะตั้งเกมของพวกเขาได้ พร้อมทั้งเกริ่นโจมตีแนวรับของ คณะแมน ฯ ซิตี้ บ่อยมากขึ้น แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ศักยพาบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้

ทางด้านของกรุ๊ปเยือน ดูเหมือนจะเครื่องช็อตไปบ้างในช่วงท้ายๆ ครึ่งแรก แต่เพราะรวมยังถือว่าเล่นกันได้ดี มีจังหวะเข้าทำดีๆหลายครั้ง และใกล้เคียงมากที่สุดของเกมนี้คงจักเป็น จังหวะยิงของ สเตวาน โยเวติช แต่บอลไปถูก อัลเดอร์ไวเรลด์ เคลียร์ทิ้งจากเส้นประตูได้ทัน จบเกมการแข่งขันในครึ่งแรก พวกเซาแธมป์ตัน เปิดบ้านเสมอ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0

ริเริ่มเกมส์ในครึ่งหลัง โรนัลด์ คูมัน ได้เปลี่ยนสำรองคนแรกทันที เพราะส่ง มายะ โยชิดะ ลงแทนที่ มอร์แกน ชไนเดอร์แลง

ในนาทีที่ 47 ดูซาน ทาดิช พาบอลมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนตัดเข้าในแล้วซัดด้วยเท้าซ้ายทันที บอลพุ่งออกหลังไปแบบได้ลุ้น

เพราะในนาทีที่ 50 กองเชียร์ฝั่ง คณะเรือใบสีฟ้า ก็ได้เฮกันลั่น เซนต์แมรี่ส์ จากจังหวะที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ พาบอลเลาะไปทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายคืนหลังออกมาให้ ยาย่า ตูเร่ ที่รออยู่เเล้วตะบันเลียดเข้าไปบอลนั้นแฉลบขาอัลเดอร์ไวเรลด์ นิดนึงก่อนจักเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม ส่งให้ กลุ่มแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาขึ้นนำ พวกเซาแธมป์ตัน 1-0

ซึ่งในนาทีที่ 54 กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ซิตี้ ได้เปลี่ยนสำรองคนแรกส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงแทนที่ สเตวาน โยเวติช

ช่วงนาทีที่ 63 กุน อเกวโร่ พาบอลเลี้ยงจี้เข้ามาที่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจักจ่ายให้ เจมส์ มิลเนอร์ ยิงแต่บอลเหินข้ามคานออกไป

ช่วงนาทีที่ 64 กรุ๊ปแมน ฯ ซิตี้ เปลี่ยนสำรองอีกคน ส่ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลงแทนที่ ซาเมียร์ นาสรี่

โดยในนาทีที่ 66 พวกเซาแธมป์ตัน ได้เปลี่ยนตัวเอา เชน ลอง ลงไปแทนที่ ซาดีโย มาเน

ซึ่งในนาทีที่ 72 เฆซุส นาบาส ฉกบอลจากแนวรับ เซาแธมป์ตัน ก่อนยิงทันที บอลหลุดทะลุทะลวงเสาออกไปนิดเดียว

ในนาทีที่ 74 พวกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องมาเหลือกระฉ่อนผู้เล่นพางแค่ 10 คน จากจังหวะที่ เชน ลอง ไปฉกบอลจาก ยาย่า ตูเร่ ได้ แล้วพาบอลหลุดเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ ไปโดน เอเลียกิม ม็องกาลา สกัดล้มลงไป ไมค์ โจนส์ ผู้ตัดสินในเกมนี้เป่าให้ ทีมเซาแธมป์ตัน ได้ฟาวล์ กับแจกใบเหลือเลื่องงที่ 2 ให้ ม็องกาลา เป็นใบแดง ไล่ออกจากสนามไป

ในนาทีที่ 75 มานูเอล เปเยกรินี่ ได้เปลี่ยนเอา มาร์ติน เดมิเคลิส ลงไปแทนที่ เฆซุส นาบาส

นาทีที่ 80 กองเชียร์ เรือใบสีฟ้า มาได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้งจากจังหวะ สวนกลับ เจมส์ มิลเนอร์ พาบอลตะลุยขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนจ่ายเข้ามาที่หน้ากรอบเขตโทษให้กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เจ้าตัวยิงเต็มข้อบอลเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม ชนิดที่ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ ได้แต่ยืนมอง ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมานำห่าง เซาแธมป์ตัน 2-0

ในนาทีที่ 81 พวกเซาแธมป์ตัน เปลี่ยนสำรองคนสุดท้าย ส่ง อิมแมนิวเอล มายูกา ลงไปแทนที่ สตีเว่น เดวิส

ซึ่งในนาทีที่ 83 กุน อเกวโร่ ได้โอกาสทองจากจังหวะหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ แต่ศูนย์หน้าอาเจนไตน์ ดันยิงไปติดเซฟ ฟอร์สเตอร์ ซะอย่างนั้น

หลังจากนั้นนาทีที่ 85 เชน ลอง วิ่งทำทางมาเอาบอลก่อนจ่ายไซด์ก้อยเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ กราเซียโน่ เปลเล่ เข้าทำ แต่ศูนย์หน้าอิตาเลี่ยนเข้าไม่ทัน พลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 87 แมนฯ ซิตี้ ขยับสกอร์ห่างไปเป็น 3-0 จากจังหวะสวนกลับเร็ว กุน อเกวโร่ จ่ายถวายพานมาให้กับ กาแอล กลิชี่ ที่เติมขึ้นมาในกรอบเขตโทษซัดเน้นๆส่ง บอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ แมนฯ ซิตี้ หนีห่าง เซาแธมป์ตัน 3-0

ในช่วงเวลาที่เหละบือ กลุ่มแมนฯ ซิตี้ ปิดเกมของพวกเขาได้ทั้งหมด แม้ว่า เจ้าบ้านจักพยายามทำประตูหวังตีไข่แตกไล่มา แต่ก้ไม่สามารถเจาะแนวรับของ ซิตี้ ได้ จบเกมการแข่งขัน เซาแธมป์ตัน เปิดบ้านพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ผลบอล 0-3


มาดูบัญชีรายชื่อ 11 ตัวแท้จริง หมู่เซาแธมป์ตัน :

  1. เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์
  2. นาธาเนียล ไคลน์
  3. โจเซ่ ฟอนเต้
  4. โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์
  5. ไรอัน เบอร์ทรานด์
  6. วิคเตอร์ วานยามา
  7. มอร์แกน ชไนเดอร์แลง ( มายะ โยชิดะ เปลี่ยนลงมาในนาทีที่ 46 )
  8. ดูซาน ทาดิช
  9. สตีเว่น เดวิส ( อิมแมนิวเอล มายูกา เปลี่ยนลงมาในนาทีที่ 81 )
  10. ซาดีโย มาเน ( เชน ลอง เปลี่ยนลงมาในนาทีที่ 66 )
  11. กราเซียโน่ เปลเล่


รายชื่อตัวสำรอง :

  1. เคลวิน เดวิส
  2. โฟลริน การ์โดช
  3. แฮร์ริสัน รี้ด
  4. แมตต์ ทาร์เกตต์


มาดูบัญชีรายชื่อ 11 ตัวนัก กลุ่มแมนเชสเตอร์ ซิตี้ :

  1. โจ ฮาร์ท
  2. ปาโบล ซาบาเลต้า
  3. แวงซองต์ กอมปานี
  4. เอเลียกิม ม็องกาลา
  5. กาแอล กลิชี่
  6. เฆซุส นาบาส ( มาร์ติน เดมิเคลิส เปลี่ยนลงมาในนาทีที่ 75 )
  7. ยาย่า ตูเร่
  8. แฟร์นันดิญโญ่
  9. ซาเมียร์ นาสรี่ ( แฟร้งค์ แลมพาร์ด เปลี่ยนลงมาในนาทีที่ 64 )
  10. สเตวาน โยเวติช ( เจมส์ มิลเนอร์ เปลี่ยนลงมาในนาทีที่ 54 )
  11. เซร์คิโอ อเกวโร่


ระเบียนตัวสำรอง :

  1. บาการี่ ซาญ่า
  2. เฟร์นานโด
  3. วินลี่ กาบาเยโร
  4. โฆเซ่ อังเคล โปโซ่


กรรมการผู้ตัดสิน : ไมค์ โจนส์