แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เชลซี แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เชลซี แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

ไม่เข้าทีแจ๊ดกว่าพ่าย!

แย่ยิ่งกว่าจำนน!


ฟุตบอล


วิเคราะห์บอล: ด้วยว่าความพ่ายปราชัย ใช่ไหม การต้องตกรอบตารางบอลในการแข่งขันกีฬานั้น ถือเป็นสิ่งที่เจ็บปวดพร้อมทั้งน่าผิดหวังเสมอเพราะทุกคนที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับถ้าจะมีอะไรที่แย่ไปกว่านั้น ก็คงเป็นการจำนนเพราะว่าที่ทุกคนเบ้ปากใส่แล้วกราบทูลว่าสมควรแล้ว

พร้อมกับสถานการณ์ของ ฝ่ายเชลซี หลังจบจากเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับ คณะปารีส แซงต์-แชร์กแมง คราวคืนวันพุธ น่าจักใกล้เคียงกับที่จั่วหัวเอาไว้

เพราะว่านอกจากจักตกรอบไปอย่างชอกช้ำ จากการทำได้แค่ผลบอลเสมอ 2-2 ในบ้านตัวเอง หลังที่มีผู้เล่นมากกว่าถึงสองในสามของเวลาที่เตะกันแล้ว

เหล่าสิงโตสีคราม ยังถูกวิจารณ์ อย่างหนักจากการแสดงออกของนักเตะในสนาม ในจังหวะการฟาวล์ต่อออสการ์ที่ทำให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวเตะคนสำคัญของคู่แข่ง โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป

กับแน่นอนว่าการตัดสินของ บียอร์น คีเปอร์ส กรรมการชาวดัตช์ ที่คิดว่าจังหวะนี้ควรเป็นใบแดง ถือเป็นวิจารณญาณของเขาเองด้วยที่โดนจวกหนักไม่แพ้กัน แต่หลายคนก็มองว่าการแสดงออกของนักเตะ คณะเชลซี ที่เข้าไปห้อมล้อมกับโหวกเหวกโวยวายเกินจำเป็นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย


วิเคราะห์บอล


ซึ่งบรรดาเกจิในแวดวงลูกหนัง ทั้งอดีตนักเตะกับผู้จัดการคณะชื่อดังหลายคน ต่างก็มองไปในทางเดียวกันว่ากองหน้าของ คณะเปแอสเชโชคร้ายที่โดนใบแดง พร้อมกับพฤติกรรมของนักเตะ หมู่เชลซี เป็นสิ่งที่น่าอัปยศอดสู

โดยที่ อลัน กรีน คอมเมนเตเตอร์ของ BBC วิเคราะห์ผลบอลพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันแย่มากที่ได้เห็นนักเตะมากมายหลายคนแสดงพฤติกรรมแบบนั้นในสนาม ผมจะไม่ปกป้องพวกไร้สมองที่ทำตัวน่าขายหน้าแบบนี้แน่

ซึ่ง แกรม ซูเนสส์ อดีตนักเตะพร้อมกับผู้จัดการทีมชื่อดัง ได้ออกมา วิจารณ์ออสการ์ที่เจตนาเรียกใบแดงให้คู่แข่งในจังหวะที่โดนทำฟาวล์ด้วย

เรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องทำเลย มันรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง การที่นักเตะพยายามล้มเพื่อให้คู่แข่งโดนไล่ออก

กับมันไม่ใช่วิถีของอังกฤษ มันกำลังคืบคลานเข้าสู่เกมของเรา ซึ่งผมรู้สึกว่ารับไม่ได้แท้จริงๆ

พร้อมด้วยแม้เวลามีใครเข้าสกัดคุณ คุณมักจะกระหายล้มลงไปเพื่อให้เขาโดนเล่นงาน มันน่าสมเพชแบบนี้แหละ ขอบคุณสวรรค์ที่เปแอสเชไม่ยอมพ่ายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขากลับไปพร้อมกับเครดิตที่สมควรได้รับ พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า

ทางด้านเจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ทีมลิเวอร์พูล ได้วิจารณ์ไปถึงโจเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการกลุ่มเชลซี ว่าเป็นคนปลูกฝังทัศนคติแบบนี้ให้กับนักเตะ


โปรแกรมบอล


ซึ่งการแสดงออกของนักเตะ กลุ่มเชลซีเป็นเรื่องที่น่าอดสู มันมาจากทุกฝ่ายของโจเซ่ มูรินโญ่ กรุ๊ปของเขามักจักทำพฤติกรรมแบบนี้เสมอ มันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว

พร้อมกับในบางทีสิ่งที่เขาพูดไว้ก่อนเกมว่าเปแอสเชเป็นหมู่ที่เล่นสกปรกที่สุด อาจจักถูกฝังไว้ในหัวของกรรมการไปแล้ว

ส่วนตัว ผมคิดเสมอว่าฝ่ายของมูรินโญ่อาจจักได้รับการยอมรับในฝีเท้า แต่ฝ่ายของเขาจะไม่มีทางเป็นฝ่ายที่คนรัก เพราะสถานการณ์แบบนี้นี่แหละ ฝ่ายของเขาเอาคำว่าชนะไปอยู่ตรงจุดที่กลุ่มอื่นหรือไม่ก็ผู้จัดการคณะคนอื่นทำไม่ได้ คำพูดของเขามีอิทธิพลไปแล้ว

ในขณะที่ ไมเคิล โอเว่น อดีตดาวยิงชื่อดัง ก็มีความเห็นไปในทางเดียวกัน พร้อมทั้งมองว่าจังหวะนี้ไม่ควรเป็นใบแดง

ถ้าหากเป็นจังหวะนี้ ต้องไม่ใช่ใบแดงแน่นอน พฤติกรรมของนักเตะเชลซีน่าช็อกสุดๆ การทำอะไรแบบนี้มีอิทธิพลต่อเกมได้ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาทำ

เพราะว่าที่ผมดีใจที่เห็นคาร์ราเกอร์พร้อมกับซูเนสส์คิดตรงกับผมเป๊ะ เกมฟุตบอลคงกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย ถ้านักเตะโหมโรงมีอิทธิพลต่อเกมด้วยการเข้าไปกดดันกรรมการ

กับมาร์ค ลอว์เรนสัน ที่เป็นอดีตกองหลัง เหล่าลิเวอร์พูล ซึ่งผันตัวไปทำงานด้านสื่อมานาน ก็ร่วมแสดงความไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของนักเตะ ฝ่ายเชลซีเช่นกัน

สำหรับการแสดงออกของนักเตะ กรุ๊ปเชลซีนั้นเหเลื่องเชื่อมาก ถ้าดูจากการที่การทำฟาวล์จังหวะนี้ไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้นเลย ผมเกือบจะคิดว่าเขาทำคู่แข่งขาหักซะอีก ออสการ์สมควรได้รับออสการ์เลย

พร้อมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นฉุดให้เกมฟุตบอลถอยหลังเข้าคลอง พฤติกรรมโอเวอร์เกินเหตุต่อการทำฟาวล์ของคู่แข่ง เกมฟุตบอลกำลังจักกลายเป็นละครเข้าไปทุกทีแล้ว

A ในส่วนของ เกรแฮม โพลล์ อดีตผู้ตัดสินชื่อดังของอังกฤษ ก็มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นให้คำมั่นณอันตรายของเกมฟุตบอล


พรีเมียร์ลีก


ซึ่งพฤติกรรมของนักเตะ กรุ๊ปเชลซี ตอนที่เข้าไปรุมล้อม บียอร์น คีเปอร์ส เป็นความอัปยศอย่างแท้จริงๆ กับมันเป็นข้อผูกพันณที่เอิ้นว่าเกมฟุตบอลในปัจจุบันกลายเป็นแบบไหนไปแล้ว

ส่วนทางด้าน จอห์น อัลดริดจ์ อดีตศูนย์หน้า กลุ่มลิเวอร์พูล อีกคน ออกมาตำหนิวิธีการเล่นของมูรินโญ่ที่ไม่เน้นเกมบุกมากพอ

กรุ๊ปเชลซีได้ในสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว วิธีการเล่นของพวกเขาสะท้อนตัวตนผู้จัดการหมู่ของพวกเขาออกมา การเล่นเกมรับในบ้านน้อยครั้งที่จะเวิร์ก

ด้วยกัน โลร็องต์ บล็องก์ โค้ชของ ฝ่ายปารีส ย้ำว่าฝ่ายของเขาสมควรได้ข้ามเข้ารอบ 8 กรุ๊ปสุดท้ายอย่างแท้สุทธิ ไม่ว่าจักมีเหตุการณ์ปัญหาเกิดขึ้นในเกมนี้หรือไม่ไม่ก็ตาม

ซึ่งต่อให้คุณตัดการแสดงออกอย่างไม่มีน้ำใจนักกีฬาพวกนั้นออกไปจากเกม ผมก็คิดว่ากรุ๊ปของผมดีกว่าเชลซีในทุกจุดของสนาม เปแอสเชสมควรเข้ารอบแล้ว

ในขณะที่อิราฮิโมวิชเองได้เหน็บแนมพฤติกรรมของคู่แข่งเบาๆ ว่าทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต

หลังจากที่ผมเห็นกรรมการควักใบแดงออกมา ผมนี่แบบว่า เขารู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุดนะ ที่แย่ที่สุดก็คือในจังหวะนั้น นักเตะ กรุ๊ปเชลซี ทุกคนกรูกันเข้ามารุมล้อมเต็มไปหมด ผมรู้สึกเหมือนโดนเหล่าเด็กน้อยมากลุ้มรุมอยู่รอบตัวเลย

เรื่องโดย : Bebybear

ที่มา: http://event.sanook.com/football

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข่าวฟุตบอล: การต่อสู้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดที่ 23 ศก 2558

ฟุตบอล: เรือบุกเจ๊าสิงห์บลูส์1-1ตามหลัง5แต้มเท่าเดิม



  • การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2014-2015 นัดที่ 23
  • การแข่งวันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2558
  • กลุ่มเชลซี 1 - 1 กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • แข่งที่สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
  • กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก


วิเคราะห์ผลบอล: ในนาทีที่ 7 ฝ่ายแมนฯซิตี้ ได้ลุ้นประตูจาก แฟร์นันดินโญ่ หลุดเข้าเขตโทษทางด้านขวาก่อนจะยิงหลุดกรอบออกหลังไป

โดยนาทีที่ 24 พวกเยือนมีโอกาสจาก เซร์คิโอ อกูเอโร่ กระซากบอลหนี เคิร์ต ซูม่า ก่อนยิงไปโดน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ปัดบอลออกไปได้

ต่อมานาทีที่ 33 เหล่าเรือใบ เล่นเกมสวนกลับเร็วและ จอห์น เทอร์รี่ สกัดบอลพลาด ทำให้ เซร์คิโอ อกูเอโร่ หลุดไปดวล ติโบต์ กูร์กตัวส์ ก่อนยิงหลุดเสาออกหลังนิดเดียว

ซึ่งนาทีที่ 42 เจ้าบ้านมาได้ประตูขึ้นนำตราบ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช โยนบอลไปให้ เอแด็น ฮาซาร์ด ปาดเร็วจากด้านซ้ายมาหน้าประตู โลอิก เรมี่ เข้าชาร์จไม่พลาด 1 - 0

กับนาทีที่ 45 ทีมเยือนตามตีเสมอทันควันทันทีที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ตัดบอลพลาดจนเข้าทาง เซร์คิโอ อกูเอโร่ ยิงอัดเข้ามาแล้ว ดาบิด ซิลบา ล้มตัวจิ้มเข้าไปเป็น 1 - 1

ต่อมานาทีที่ 55 เหล่าแมนฯซิตี้ มีลุ้นจากการโหม่งของ แฟร์นันดินโญ่ ก่อนที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ จะกระโดดปัดบอลออกหลังไป

ในช่วงท้ายเกมเหล่าเยือนบุกหนักหวังยิงประตูขึ้นนำให้ได้ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จจนจบเกม 90 นาทีเสมอกันไป 1 - 1 แบ่งฝ่ายละแต้ม ทำให้ช่องว่างยังห่างกัน 5 คะแนนเท่าเดิม


มาดูรายการผู้เล่นทั้งสองกลุ่ม


เหล่าเชลซี : ระบบ 4-2-3-1
  • ตำแหน่งผู้รักษาประตู : 1.ติโบต์ กูร์กตัวส์
  • ตำแหน่งกองหลัง : 2.บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, 3.เคิร์ต ซูม่า, 4.จอห์น เทอร์รี่, 5.เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
  • ตำแหน่งกองกลาง : 6.รามิเรส, 7.เนมันย่า มาติช – 8.วิลเลี่ยน, 9.ออสการ์, 10.เอแด็น ฮาซาร์ด
  • ตำแหน่งกองหน้า : 11.โลอิก เรมี่

คณะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4-2-3-1
  • ตำแหน่งผู้รักษาประตู : 1.โจ ฮาร์ท
  • ตำแหน่งกองหลัง : 2.บาการี่ ซานญ่า, 3.แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, 4.มาร์ติน เดมิเคลิส, 5.กาแอล กลิชี่
  • ตำแหน่งกองกลาง : 6.แฟร์นันดินโญ่, 7.แฟร์นันโด – 8.เฆซุส นาบาส, 9.ดาบิด ซิลบา, 10.เจมส์ มิลเนอร์
  • ตำแหน่งกองหน้า : 11.เซร์คิโอ อกูเอโร่

เป็นการถอนแค้นได้สำเร็จ! ผีแดงเปิดรังฝังจิ้งจอก 3 - 1 ขึ้นรั้งที่ 3





  • การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
  • แข่งวันเสาร์ที่ 31 มกราคม ปี 2558
  • กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 1 ฝ่ายเลสเตอร์ ซิตี้
  • แข่งที่สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
  • กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

หลังจากที่เริ่มต้นเกมครึ่งแรก เจ้าถิ่น หมู่แมนฯยูฯ ได้ลุ้นก่อน ในนาทีที่ 13 จากจังหวะปั่นนอกกรอบโทษของ อังเคล ดิ มาเรีย แต่บอลไปติดกำแพง

ต่อมานาทีที่ 22 เวย์น รูนี่ย์ จ่ายบอลคืนหลังพลาด เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ ฉกบอลไปได้แต่โดนเบียด ทำให้จังหวะยิงทำได้ไม่ดีพอบอลข้ามคานออกไป

พร้อมกับถัดมาอีก 1 นาทีเจ้าถิ่น ได้โต้กลับ อังเคล ดิ มาเรีย ให้ ลุค ชอว์ พาบอลขึ้นไป ก่อนเปิดเข้ากลางให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้แปเน้นๆ แต่หลุดออกไป

ในนาทีที่ 26 จากความผิดพลาดของแนวรับเลสเตอร์ ทำให้ ดาเล่ย์ บลินด์ ตัดบอลได้ ก่อนโยนขึ้นหน้าให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยิงด้วยขวาทันที บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม เจ้าถิ่น แมนฯยูฯ ออกนำ 1 - 0

นาทีที่ 31 ฝ่ายแมนฯ ยูฯ ได้ขยับหนีห่างเป็น 2 - 0 เมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เก็บบอลได้ ก่อนแทงทะลุช่องให้ อังเคล ดิ มาเรีย พาบอลขึ้นกราบซ้าย ก่อนยิงมุมแคบ มาร์ค ชวาร์เซอร์ รับไม่ติดมือ ก่อนเป็น ราดาเมล ฟัลเกา ที่วิ่งตัดเข้ามาซ้ำจ่อๆ เข้าไป

นาทีที่ 43 หมู่แมนฯยูฯ มาได้ประตูสาม จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย เวย์น รูนี่ย์ เปิดเข้ากรอบโทษ ก่อนที่ ดาเล่ย์ บลินด์ จะวิ่งฉีกหนีตัวประกบออกมาโขกที่เสาแรก และเป็น เวส มอร์แกน ที่โหม่งสกัดพลาดเข้าประตูตัวเองไป

ทำให้จบครึ่งแรก พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำ พวกเลสเตอร์ ห่างถึง 3 - 0

โหมโรงเกมส์มาในครึ่งหลังพ้นไป 5 นาที เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูเพิ่มอีก อัดนาน ยานาไซ พาบอลขึ้นทางซ้าย ก่อนปาดเข้ากลาง ราดาเมล ฟัลเกา แหย่ไม่ถึงบอล ทำให้เข้ามือ มาร์ค ชวาร์เซอร์

นาทีที่ 56 อัดนาน ยานาไซ มีโอกาสลองส่องไกล แต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกไป

นาทีที่ 60 เลโอนาร์โด้ อูยัว หลุดเดี่ยวเข้าไปเพราะมี มาร์กอส โรโฮ วิ่งตามประกบไปด้วย แล้วล็อคเข้าในก่อนล้มลงในกรอบเขตโทษ กรรมการชี้ว่า อูยัว ล้มลงเอง แมนฯยูฯรอดตัวไป

นาทีที่ 79 เหล่าเลสเตอร์ มาตีไข่แตกได้สำเร็จไล่มา 1 - 3 ครั้น มาร์ค อัลไบรท์ตัน เปิดไปเสาสอง ฟิล โจนส์ ขึ้นโหม่งไม่ถึง บอลเลยมาถึง มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ พุ่งโขกบอลเข้าไปเต็มๆ ถึงแม้จะโดนเท้า ดาบิด เด เกอา ก็ตาม

ทำให้จบเกม กรุ๊ปปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถอนแค้นคืนสำเร็จ เปิดบ้านเอาชนะ ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 3 - 1 เพิ่มเป็น 43 แต้ม ขยับขึ้นรั้งอันดับ 3 ชั่วคราว


ดูระเบียนผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองกรุ๊ป

ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ระบบ  4 - 3 - 1 - 2  :
  1. ดาบิด เด เกอา 
  2. อันโตนิโอ วาเลนเซีย เปลี่ยนตัว ฆวน มาต้า ลงมานาทีที่ 77
  3. ฟิล โจนส์
  4. มาร์กอส โรโฮ
  5. ลุค ชอว์ 
  6. อัดนาน ยานาไซ
  7. ดาเล่ย์ บลินด์
  8. อังเคล ดิ มาเรีย 
  9. เวย์น รูนี่ย์ 
  10. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เปลี่ยนตัว แพ็ดดี้ แม็คแนร์ ลงมานาทีที่ 69
  11. ราดาเมล ฟัลเกา เปลี่ยนตัว เจมส์ วิลสัน ลงมานาทีที่ 80

หมู่เลสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4 - 3 - 3 :

  1. มาร์ค ชวาร์เซอร์ 
  2. แดนนี่ ซิมพ์สัน
  3. มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ 
  4. เวส มอร์แกน
  5. ริทชี่ เดอ ลาท 
  6. แดนนี่ ดริ้งวอเตอร์ 
  7. แอนดี้ คิง 
  8. เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ 
  9. อันเดรย์ ครามาริช เปลี่ยนตัว มาร์ค อัลไบรท์ตัน ลงมานาทีที่ 62
  10. เลโอนาร์โด้ อูยัว เปลี่ยนตัว เดวิด นูเจ้นท์ ลงมานาทีที่ 62
  11. เจมี่ วาร์ดี้ เปลี่ยนตัว เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ ลงมานาทีที่ 45


วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ข้อมูลฟุตบอลชุดขาวผงาดขึ้นรับเงินรายได้สูงสุดในโลก,เฮนโด้ vs คอสต้า

หวิดมีมวย เฮนโด้ vs คอสต้า เกือบไฝว้กันหลังเกม



border=0



ล่าสุดแข้งโปรแกรมบอล กรุ๊ปหงส์แดง - พวกสิงห์บลู  ได้มีเรื่องกันหลังจบเกมแคปิตอล วัน คัพ จนกระทั่งวันอังคารที่ลอด เพราะว่าได้มีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน จนเกือบวางมวย ซึ่งเชื่อว่าเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ดีเอโก้ คอสต้า ที่เถียงกันมาตั้งแต่ในเกม

ภายหลังที่ เดอะ การ์เดี้ยน ที่เป็นสื่อดังแดนผู้ดีได้วิเคราะห์ผลบอลแฉ เกมจบอารมณ์ไม่จบ ตราบใดนักเตะ กรุ๊ปหงส์แดง ลิเวอร์พูล กับ คณะสิงห์บลูส์ เชลซี    ซึ่งเป็น 2 กลุ่มยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวว่ามีเรื่องทะเลาะกันหลังจบเกม ศึกแคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ณ สนามแอนฟิลด์ ที่เสมอกันไปผลบอล 1 - 1 คราวคืนวันอังคารที่ทะลุทะลวงมา

ทั้งนี้ ได้คาดกันว่านักเตะคู่กรณีน่าจักเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งเป็นรองกัปตันฝ่ายเจ้าบ้าน กับ ดีเอโก้ คอสต้า หัวหอกเเอิกเกริกดร้อนของหมู่เยือน ก็เพราะว่าทั้งคู่มีปากเสียงกันตั้งแต่จังหวะในเกมแล้ว ซึ่งจนกระทั่งทั้งคู่เดินเข้าอุโมงค์สู่ห้องแต่งตัว ก็ยังไม่ลดราวาศอก จนถึงขั้นผลักอกเตรียมวางมวยกัน แต่ยังดีที่ถูกแยกออกจากกันก่อนจะมีการ ช่างหมัด โดยบรรดาสตาฟฟ์โค้ชพร้อมทั้งเพื่อนร่วมพวกของทั้งคู่

เพราะตารางบอลที่ชนวนขัดแย้งเริ่มมาจากที่ เชส ฟาเบรกาส กองกลางตัวเก่งของ เชลซี พยายามขวางการเล่นฟรีคิกเร็วของ เฮนเดอร์สัน ก่อนที่ คอสต้า กับมิดฟิลด์หงส์แดง จะมีการโต้คารมกับผลักอกกันเล็กน้อยนั่นเอง


ในรอบ 10 ปีติด! ชุดขาวผงาดขึ้นรับรายได้สูงสุดในโลกตามคาด





คณะราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ในลาลีกา ซิวตำแหน่งสโมสรฟุตบอลที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2015

ซึ่งขณะทำรายได้เข้าสโมสรได้ถึง 549.5 ล้านยูโร ซึ่งสูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน ส่วนอันดับสอง ตามมาห่างๆ คือ กรุ๊ปผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเงินพุ่งจากปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็น 518 ล้านยูโร

เพราะว่าทาง เดลอยท์ ฟุตบอล มันนี่ ลีก ไม่ก็ Deloitte Football Money League ได้เปิดเผยการจัดอันดับสโมสรที่ทำรายได้สูงที่สุดประจำปี 2015 ปรากฎว่า แชมป์ทำเงินมากสุดก็คือ กรุ๊ปราชันชุดขาว เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน คราวทำรายได้เป็นจำนวนเงินถึง 549.5 ล้านยูโร ไม่ก็ 20,755 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน




ซึงลำดับต่อมาเป็น กรุ๊ปผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คณะดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับสองปีนี้ จากเดิมปีที่แล้ว 2014 อยู่ที่สี่เท่านั้น จากตัวเลขก่อนหน้า 423.8 ล้านยูโร หรือ 16,000 ล้านบาท ทะยานเป็น 518 ล้านยูโร ใช่ไหม 19,565 ล้านบาท

ในอันดับ 3 ตกเป็นของ หมู่เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ยอดหมู่แห่งบุนเดสลีก้า เยอรมัน มีรายได้อยู่ที่ 487.5 ล้านยูโร หรือ 18,400 ล้านบาท

อันดับที่ 4 กลุ่มบาร์เซโลน่า ร่วงจากที่สองปีที่แล้ว ลงมาอยู่ที่ 4 กวาดไป 484.6 ล้านยูโร ใช่ไหม 18,300 ล้านบาท

ในอันดับ 5 นั้นยังคงที่ เป็น หมู่ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มีรายได้ 474.2 ล้านยูโร เหรอ 17,900 ล้านบาท

เพราะว่าอันดับที่ 6 - 20 ประกอบไปด้วยเหล่าดังมากมาย ดังนี้

  6. เหล่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 346.5 ล้านปอนด์ หรือไม่ 18,018 ล้านบาท
  7. กรุ๊ปเชลซี พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 324.4 ล้านปอนด์ ใช่ไหม 16,868.8 ล้านบาท
  8. กรุ๊ปอาร์เซน่อล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 300.5 ล้านปอนด์ หรือ 15,626 ล้านบาท
  9. ทีมลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 255.8 ล้านปอนด์ เหรอ 13,301.6 ล้านบาท
10. พวกยูเวนตุส ลีกอิตาลี - 233.6 ล้านปอนด์ หรือไม่ 12,147.2 ล้านบาท
11. กลุ่มโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลีกเยอรมัน - 218.7 หรือ 11,372.4 ล้านบาท
12. กลุ่มเอซี มิลาน ลีกอิตาลี - 208.8 หรือ 10,857.6 ล้านบาท
13. กลุ่มท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 180.5 เหรอ 9,386 ล้านบาท
14. ฝ่ายชาลเก้ 04 ลีกเยอรมัน - 178.9 ใช่ไหม 9,302.8 ล้านบาท
15. หมู่แอตเลติโก มาดริด ลีกสเปน - 142.1 ไม่ก็ 7,389.2 ล้านบาท
16. กรุ๊ปนาโปลี ลีกอิตาลี - 137.8 หรือว่า 7,165.6 ล้านบาท
17. เหล่าอินเตอร์ มิลาน ลีกอิตาลี - 137.1 หรือว่า 7,129.2 ล้านบาท
18. หมู่กาลาตาซาราย ลีกตุรกี - 135.4 เหรอ 7,040.8 ล้านบาท
19. กรุ๊ปนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 129.7 หรือไม่ 6,744.4 ล้านบาท
20. เหล่าเอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 120.5 หรือว่า 6,266 ล้านบาท





วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไฮไลท์ฟุตบอล: มาพิศที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีก 7 นัดปฐมภูมิกันดีกว่า

วิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ ที่สุดของที่สุดในช่วงเปิดม่านบังตาออกสตาร์ต




ในเกมส์ฟุตบอลสุดอาทิตย์นี้บรรยากาศของพรีเมียร์ลีกจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ หลังจากที่ได้พักยาวมาถึงสองอาทิตย์เพื่อหลีกทางให้โปรแกรมบอลพวกชาติ เพราะแต่ละทีมจะต้องลงมาห้ำหั่นกันอีกครั้ง เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ เท่าที่ทะลวงพ้นอีก 31 นัดต่อจากนี้

พร้อมกับด้วยการขับเคี่ยวกันในช่วงออกสตาร์ตของฤดูกาลกาลนี้ก็ได้ตัดผ่านไปแล้ว 7 นัดแรก ซึ่งก็พอจักทำให้มองเห็นภาพได้คร่าวๆ ว่าหน้าตาของฤดูกาลนี้น่าจะออกมาเป็นยังไงบ้าง และหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนได้หยิบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นที่สุดๆ จากช่วงโหมโรงต้นฤดูกาลนี้มาให้ดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง





1.นักเตะที่เด่นที่สุด: ดิเอโก้ คอสต้า


เพราะการเสริมทัพของเชลซีในซัมเมอร์นี้ดูจักลงล็อกไปหมด ทั้ง 1.ติโบต์ กูร์กตัวส์, 2.เชส ฟาเบรกาส พร้อมทั้ง 3.ดิเอโก้ คอสต้า ที่ต่างก็ย้ายถิ่นมาพร้อมด้วยโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น พร้อมด้วยเป็นกำลังสำคัญในการพาสิงโตสีครามทะยานขึ้นจ่าฝูงแบบนำโด่ง

ซึ่งตัวของคอสต้าคือคนที่เข้ามาอุดช่องโหว่ หรือไม่ก็เข้ามาแก้ปัญหาที่เคยเจอจากฤดูกาลก่อน ให้กับฝ่ายของ โจเซ่ มูรินโญ่ ได้อย่างแท้เป็นแน่แท้ ด้วยการทำประตูได้อย่างต่อเนื่องด้วยกันเป็นกอบเป็นกำถึง 9 ลูก เข้าไปแล้วเฉพาะในลีก และผลงานของเขาก็โดดเด่นเกินหน้าเกินตาดาวเตะทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่คนไหนๆ จนถึงปัจจุบันนี้





2.เป็นเกมที่หักมุมที่สุด :  คณะเลสเตอร์ 5-3 พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ซึ่งภายหลังชนะนัดแรกในฤดูกาลได้ในเกมที่ 4 ด้วยการเปิดบ้านไล่ทุบ ทีมควีนส์ปาร์ค 4-0 ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำท่าเหมือนจะเรียกความมั่นใจกลับมาได้

ด้วยกันครั้งยกพลไปเยือนอีกหนึ่งน้องใหม่อย่าง ฝ่ายเลสเตอร์ในเกมถัดไป ฝ่ายปิศาจแดงที่คับคั่งด้วยซูเปอร์สตาร์ทั้งเก่ากับใหม่ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างจี๊ดจ๊าด ด้วยกันขึ้นนำผลบอล 2-0 อย่างรวดเร็ว ก่อนขยับหนีไปเป็น 3-1 อีกก่อนที่ทุกอย่างจะพลิกผัน ทันทีที่เสียจุดโทษแบบโชคร้ายโดนไล่มา พร้อมทั้งโดนตีเสมออีกอย่างรวดเร็ว

เพราะภายหลังนั้นทุกอย่างก็ปั่นป่วนไปหมดเหตุด้วยผีแดง ก่อนจักโดนแซงขึ้นนำ 4-3 กับเหเล่าลือผู้เล่น 10 คน ในช่วงท้ายเกมจนโดนประตูที่ 5 ปิดท้าย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 853 นัดที่ กรุ๊ปแมนฯ ยูไนเต็ดลงเตะพรีเมียร์ลีกมา ที่ ปลดเปลื้องให้การขึ้นนำ 2 ประตู กลับมาเป็นความพ่ายพ่ายแพ้ได้





3.เป็นกรุ๊ปที่สร้างเซอร์ไพรส์ที่สุด: หมู่เซาธ์แฮมป์ตัน


ฝ่ายเซาธ์แฮมป์ตันได้เสียดาวดังของกรุ๊ปไปเป็นกระบิในช่วงซัมเมอร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้จัดการพวก พร้อมทั้งทำท่าว่าจะได้รับผลกระทบเต็มๆ

โดยภายหลังที่ โรนัลด์ คูมัน ได้นำกรุ๊ปออกสตาร์ตนัดแรกด้วยความพ่ายแพ้ พร้อมกับในนัดต่อมาก็ทำได้แค่เสมอ

แต่ครั้นเมื่อได้นักเตะใหม่อย่างกราเซียโน่ เปลเล่ ริเริ่มที่จักติดเครื่องได้ในการเข้ามาแทนที่ ริคกี้ แลมเบิร์ต ขณะที่ ดูซาน ทาดิช ก็ได้เข้ามารับหน้าที่สร้างสรรค์เกมแทน อดัม ลัลลาน่า ที่จากไป ทีมนักบุญก็โหมโรงต้นโชว์ฟอร์มได้อย่างไหลลื่นเหมือนเดิม ใช่ไหมอาจจะมากกว่าเดิม จนทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตารางแล้ว หลังชนะติดต่อกันถึง 4 นัด ก่อนจักเพิ่งพ่ายแพ้อีกครั้งในเกมล่าสุด





4.เป็นฝ่ายที่เดี้ยงท่วมท้นที่สุด: เหล่าอาร์เซนอล


ซึ่งทางด้านของ แชด ฟอร์ไซธ์ สตาฟฟ์โค้ชด้านฟิตเนสของเยอรมัน อำลาฝ่ายแชมป์โลกมาร่วมงานกับคณะอาร์เซนอลในซัมเมอร์นี้

พร้อมกับกลับกลายเป็นว่าเหล่าปืนใหญ่ยังถูกรุมเร้าด้วยปัญถ้าหาการบาดเจ็บของนักเตะอื้อเหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นกองกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ซึ่งพอดาวดังหลายคนเดี้ยงกันตั้งแต่ต้นซีซั่น จนต้องพักยาวบ้างสั้นบ้างมาเกือบครบตัวหลักๆ แล้ว พร้อมด้วยอาจจะมีส่วนทำให้ผลงานของฝ่ายไม่เปรี้ยงอย่างที่คาดหวังไว้ พร้อมทั้งยังอยู่เหมือนอันดับ 8 ของตารางเท่านั้น จากการชนะแค่ 2 จาก 7 นัดแรก





5.เป็นซีนที่ดราม่าที่สุด: ตราบใดแฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงประตูกรุ๊ปเชลซี


ฝ่ายเชลซีชนะถึง 6 จาก 7 นัดแรกในฤดูกาลนี้ เพราะว่าเกมเดียวที่เสมอคือนัดที่ไปเยือน เหล่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้

นัดนี้กรุ๊ปสิงห์ครามเกือบจะเอาชนะ คณะแชมป์เก่าได้อยู่แล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธโอกาสนั้นเพราะ แฟรงค์ แลมพาร์ด นักเตะที่เคยสร้างสถิติไว้กับเหล่ามากมาย ก่อนจะถูก อนุญาตตัวออกไปในซัมเมอร์นี้

เพราะมิดฟิลด์วัย 36 ปี ได้ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองให้ หมู่เรือใบสีฟ้า ซึ่งยืมตัวเขามาจาก หมู่นิวยอร์ก ซิตี้ ต้นสังกัดใหม่ในเมเจอร์ลีก ด้วยกันได้ยิงประตูตีเสมอหมู่เก่าของตัวเองได้ก่อนหมดเวลา 5 นาที กับเป็นไปตามธรรมเนียที่เจ้าตัวจักไม่แสดงความดีใจออกมา

เพราะว่าท่านเป็นได้ติดตามชม ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ไฮไลท์ฟุตบอล เพิ่มเติมได้เลย


ที่มา: http://footballclubpza.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เจือปนประกาศโปรแกรมบอลศึกตารางพรีเมียร์ลีกในรอบสัปดาห์ที่ทะลุมา 29 ก.ย. - 5 ต.ค.

วิเคราะห์บอล : ปางฟานกัลได้ชูเดเคอาหนึบได้ใจนัดโค่นทอฟฟี่




หลังจากที่ ฟาน กัล ได้ซูฮก เด เคอา โคตรหนึบ เซฟลูกยากๆ หลายครั้งนัดเฉือนชนะเหล่า ทอฟฟี่สีน้ำเงิน 2 - 1 พร้อมชมลูกคณะ ฟัลเกา หลังเปิดซิงตุงแรกในสีเสื้อ ปีศาจแดง ได้สำเร็จ

โดยที่หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการพวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงยกย่อง ดาบิด เด เคอา นายทวารชาวสแปนิช หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเซฟลูกยิงอันตรายๆ ของคู่แข่งได้มากมายในเกมที่คณะ ปีศาจแดง เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คว้าชัยเหนือ เอฟเวอร์ตัน 2-1 เท่าที่วันอาทิตย์ที่พ้นมา 5 ตุลาคม

ทางด้านของ กุนซือใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่า หมู่เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสสับไกนอกกรอบเขตโทษหลายต่อหลายครั้ง พร้อมด้วยพวกเขาก็ทำมันได้ดีอีกด้วย แต่ ดาบิด เด เคอา นั่นก็โชว์เซฟได้อย่างยอดเยี่ยมนักๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะด้วยเขา ก็เพราะว่าว่ามันมีผู้เล่นมากมายหลายคนที่ยืนบังสายตาเขาอยู่ แต่เขาก็ทำมันได้ ผมประทับฟอร์มการเล่นของเขาแน่ๆๆ จนกระทั่งคุณเซฟจุดโทษได้ กับมาเซฟลูกยากๆ อีก 3 ครั้ง คุณนี่มันเยี่ยมแน่ๆๆ

ซึ่งพร้อมกันนี้ ทางด้าน ฟาน กัล ยังกล่าวชื่นชม ราดาเมล ฟัลเกา หลังเอาฤกษ์ประตูแรกในสีเสื้อหมู่ ปีศาจแดง ได้แล้วว่า เขาเกือบจักยิงได้ตั้งแต่นัดที่แล้วที่เจอกับพวก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จากนั้นผมก็เอื้อนเขาว่าผมประทับใจในฟอร์มการเล่นของเขามาก ๆ กับเดี๋ยวเรื่องการยิงประตูมันก็จักเข้ามาเอง ด้วยกันวันนี้มันก็มาสุทธิๆ เขาจะทำผลงานได้ดีกว่านี้แน่นอนหลังจบพักเบรกกรุ๊ปชาติ


สิงห์ทุบปืนแตก 2 - 0 รั้งจ่าฝูงถัดจากนั้น




พออาซาร์ ควงคู่ คอสต้า ทำคนละลูกพาหมู่ สิงห์บลูส์ เปิดบ้านไล่ทุบทีม ปืนใหญ่ สบายๆ 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 19 แต้ม รั้งจ่าฝูงของลีกถัดจากนั้นอย่างเหนียวแน่น

ด้วยกันด้วยว่าการแข่งขัน ฟุตบอล ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาลที่ 2014-2015 ศึกลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ เจ้าบ้านทีม สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของพวก ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล

หลังจากเริ่มไปได้ 10 นาที เกมก็ต้องหยุดไปชั่วคราว หลัง ธีโบต์ กูรก์ตัวส์ มีปัญหาบาดเจ็บ ในจังหวะที่ถูก อเล็กซิส ซานเชส วิ่งมากระแทกใส่เข้าที่ศีรษะ

นาทีที่ 20 แกรี่ เคฮิลล์ มารับใบเหละบืองไป หลังพุ่งเข้าไปเสียบใส่ อเล็กซิส แบบน่าเกลียดสองนาทีต่อมา คาลั่ม แชมเบอร์ส มาโดนไปบ้าง หลังวิ่งเข้าไปผลักใส่ เอแด็น อาซาร์ จากทางด้านหลัง

นาทีที่ 24 เชลซี ต้องถอด กูรก์ตัวส์ ออกไป หลังมีปัญต่างว่าระทบกระเทือนทีศีรษะในจังหวะที่ถูกชนใส่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งมีเเล่าลือดออกที่หู ทำให้ต้องส่ง ปีเตอร์ เช็ก ลงมาเฝ้าเสาแทน

นาทีที่ 27 คณะเชลซี มาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ โลร็องต์ กอสเชลนี่ ไปแหย่ขาดักใส่ เอแด็น อาซาร์ ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษพร้อมชักใบเหโจษงให้เจ้าตัวทันที พร้อมทั้งเป็น อาซาร์ ที่ลุกขึ้นมาสังหารเองด้วยการแปเรียดไปทางขวาของตัวเองเข้าไปแบบง่ายๆ เจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0

ซึ่งช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีจังหวะทำประตูเพิ่ม หมดเวลาเป็นทาง เชลซี นำไปก่อน 1-0

เกมส์เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 53 คราวนี้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช มาโดนเหเล่าลืองไปบ้าง หลังเจตนาเข้าไปสอยใส่ ซานติ กาซอร์ล่า แบบไม่มียั้ง

นาทีที่ 63 ฝ่ายอาร์เซน่อล พลาดโอกาสที่จักได้จุดโทษ จากจังหวะที่ แจ็ค วิลเชียร์ ซัดจากนอกเขตโทษไปติดโดนแขน เชส ฟาเบรกาส ที่ล้มตัวสไลด์ป้องกันเต็มๆ แต่ผู้ตัดสินก็ยังไม่เป่าให้ลูกโทษแต่อย่างใด ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นหมู่ ปืนใหญ่

นาทีที่ 69 เหล่าปืนใหญ่ แก้เกมส่ง อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด - แชมเบอร์เลน ลงสนามแทน ซานติ กาซอร์ล่า ส่วน เชลซี ก็เปลี่ยนเช่นกัน ถอด อังเดร ชูร์เล่ ออกไป แล้วให้ จอห์น โอบี มิเกล ลงเล่นแทน

นาทีที่ 76 เหล่าเชลซี เกือบได้ประตูเพิ่ม เท่าที่ ดิเอโก้ คอสต้า ลากจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษ ก่อนไหลให้ อาซาร์ ที่เติมเข้ามาโล่งๆ จัดการซัดมุมแคบ แต่บอลก็โด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ด้วยกันในที่สุด ฝ่ายสิงห์บลูส์ นั้นก็มาได้ประตูที่ต้องการสมใจในนาทีที่ 78 จากจังหวะที่ ฟาเบรกาส เปิดไกลจากกลางสนามให้ คอสต้า สปีดเข้าไปหาบอล ก่อนจะกระดกข้ามมือ วอยเชค เซสนี่ ที่ออกมาป้องกันเข้าไปแบบเหนือชั้น เชลซี นำเพิ่ม 2-0

กับหลังจากที่เสียประตูพวกเยือนได้ถอด อเล็กซิส ซานเชส ที่เกมนี้ไม่ได้ช่วยเหล่ามากนักออกไป แล้วให้ ลูคัส โพดอลสกี้ ลงสนามแทน

นาทีที่ 83 เหล่าอาร์เซน่อล ถอด วิลสนับสนุน ออกไป แล้วส่ง โทมัส โรซิคกี้ ลงมาช่วยเกมในแดนกลางแทน

นาทีที่ 87 ทีมเจ้าถิ่นถอด ออสการ์ ออกไปพัก แล้วให้ วิลเลี่ยน เข้ามาช่วยเกมรุกของกลุ่มแทน

ช่วงท้ายเกมทั้งสองพวกไม่มีใครทำประตูกันได้ ทำให้หมดเวลา กรุ๊ปเชลซี เป็นฝ่ายเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้สำเร็จ 2-0 ส่งผลให้ฝ่ายยังคงรั้งอันดับหนึ่งของลีกถัด เพราะว่ามีเพิ่มเป็น 19 คะแนน ส่วน ทีมปืนใหญ่ ความพ่ายจำนนนัดนี้ทำให้กลุ่มมี 10 คะแนน เท่าเดิม พร้อมด้วยรั้งอยู่อันดับ 7 ของตารางถัดจากนั้น

มาดูรายชื่อผู้เล่น พวกเชลซี ในระบบ 4-2-3-1 :
  1. ธีโบต์ กูรก์ตัวส์ (ปีเตอร์ เช็ก น.24)
  2. บรานิสลาฟ อิวาโนวิช
  3. แกรี่ เคฮิลล์
  4. จอห์น เทอร์รี่
  5. เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า
  6. เนมันย่า มาติช
  7. เชส ฟาเบรกาส
  8. อังเดร ชูร์เล่ (จอห์น โอบี มิเกล น.69)
  9. ออสการ์ (วิลเลี่ยน น.87)
  10. เอแด็น อาซาร์
  11. ดิเอโก้ คอสต้า


สารบาญผู้เล่นสำรอง
  1. เฟลิเป้ หลุยส์
  2. เคิร์ท ซูม่า
  3. โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์
  4. โลอิก เรมี่


มาดูบัญชีชื่อผู้เล่น กลุ่มอาร์เซน่อล ในระบบ 4-2-3-1 :
  1. วอยเชค เซสนี่
  2. คาลั่ม แชมเบอร์ส
  3. แพร์ แมร์แตซัคเกอร์
  4. โลร็องต์ กอสเชลนี่
  5. คีแรน กิ๊บสส์
  6. มาติเยอ ฟลามินี่
  7. แจ็ค วิลสนับสนุน (โทมัส โรซิคกี้ น.83)
  8. อเล็กซิส ซานเชส (ลูคัส โพดอลสกี้ น.78)
  9. ซานติ กาซอร์ล่า (อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.69)
  10. เมซุต โอซิล
  11. แดนนี่ เวลเบ็ค


รายชื่อผู้เล่นสำรอง
  1. ดาเมี่ยน มาร์ติเนซ
  2. นาโช่ มอนเรอัล
  3. โจเอล แคมป์เบลล์
  4. ฟรองซิส โกโกแล็ง


กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

มาดูประมวลภาพฟุตบอลพรีเมียร์ลีกผลบอล ฝ่ายเชลซี 2 - 0 เหล่าอาร์เซน่อล


























คณะเรือใบพบช่องเล็งสอยรอยส์ในซัมเมอร์หน้า




คงจักได้มาอีก 1 เหรอไม่?  ตราบคณะแมนฯ ซิตี้ ได้ตกเป็นข่าว ล็อกเป้าสอย รอยส์ มาเสริมทัพช่วงซัมเมอร์หน้า หลังสบโอกาสที่นักเตะยังไม่ยอมต่อให้คำมั่นกับ ดอร์ทมุนด์ คาดมีค่าฉีกคำสัญญาพ่าง 20 ล้านปอนด์เท่านั้น

โดยภายหลังที่กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คณะชั้นนำในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตกเป็นข่าวกลายเป็นอีก 1 สโมสร ที่ให้ความสนใจคว้าตัว มาร์โก รอยส์ แนวรุกตัวเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่แห่งเวทีบุนเดสลีกา เยอรมัน มาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์หน้า หลังสบช่องช่วงที่นักเตะรายนี้ยังไม่ยอมต่อข้อผูกพันกับต้นสังกัด โดยมีรายงานว่ามิดฟิลด์ค่าย คณะเสือเหลือง จักมีค่าฉีกสนธิสัญญาแค่ 20 ล้านปอนด์ไม่ก็ 1,100 ล้านบาทเท่านั้น เท่าที่จบฤดูกาลนี้

หลังจากที่ดาวเตะเหล่าชาติเยอรมัน แสดงท่าทียังไม่ยอมเจรจาขยายรับปากฉบับใหม่กับ เสือเหร่ำลือง หลังเจ้าตัวได้แจ้งกับทางสโมสรว่ากระหายรอให้จบซีซั่นนี้ก่อน แต่กระนั้น เรือใบสีฟ้า ซึ่งให้ความสนใจกระหายได้ตัวมิดฟิลด์วัย 25 ปี มาเป็นเวลานาน จึงใช้จังหวะดังกล่าว เตรียมยื่นข้อเสนอเท่ากับค่าฉีกสัญญาไปซื้อตัวนักเตะ เนื่องจากช่วงซัมเมอร์หน้า รอยส์ จะมีค่าฉีกข้อผูกมัดแค่ 20 ล้านปอนด์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม คณะแมนฯ ซิตี้ ยังต้องเจอคู่แข่งสำคัญอีกหลายสโมสร ทั้ง 

  1. กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  2. ฝ่ายลิเวอร์พูล 
  3. เหล่าอาร์เซน่อล 

ที่เป็นสามหมู่คู่แข่งร่วมลีก ที่แสดงความสนใจหิวได้ตัว รอยส์ ไปร่วมทัพด้วยเช่นเดียวกัน


มีข่าวเปิดเผยมาอีกว่า กลุ่มผีแดง เมินที่จักดึง โด้กลับ แต่หันเล็งกระชากเบลแทน




ครั้นสื่อ เดลี่ สตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อดังประเทศอังกฤษแสดงตนข่าวสุดฮือฮาว่าพวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่แสดงให้เห็นว่ากล้าทุบเงินกองคลังด้วยการระเบิดงบราวๆสูงสุดในประวัติส่วนตัวศาสตร์สโมสร กับเกาะอังกฤษกับการทุ่มเงินซื้อ พร้อมทั้งยืมนักเตะในช่วงตลาดซื้อขายรอบแรกมากถึง 151 ล้านปอนด์ไม่ใช่หรือ 8,000 ล้านบาท ซึ่งกำลังกลับไปให้ความสนใจแกเร็ธ เบล ปีกจรวดตัวเก่งของรีล มาดริด หลังจบฤดูกาลนี้อีกครั้ง

ซึ่งสื่อดังกล่าวได้แสดงตัววิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ให้เป็นถึงสาเหตุที่ทำให้กรุ๊ป ปีศาจแดง นั้นต้องหันมาเล็งซื้อเบลที่พวกเขาเคยพลาดลายเซ็นดาวเตะเหล่าชาติเวลส์รายนี้พอช่วงกลางปี 2013 หลังตัวนักเตะตกลงใจเลื่อนไปร่วมทัพ ทีมราชันชุดขาว ด้วยค่าตอบแทนเป็นสถิติโลก 85 ล้านปอนด์หรือไม่ก็ 4.500 ล้านบาท

และเนื่องมาจากทางบอร์ดบริหาร พวกแมนฯ ยูไนเต็ด อาจไม่ตกลงใจเสี่ยงทุ่มเงินค่าตอบแทน พร้อมทั้งค่าจ้างกับโบนัสรวมกันถึง 200 ล้านปอนด์หรือไม่ก็ 10,600 ล้านบาท ในการที่จักดึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้งกลับมาจาก คณะรีล มาดริด


ปากหวานจริ๊ง!! ขณะดิมาเรียยกให้เดเคอาคู่ควรแมนออฟเดอะแมตช์




ทางด้านของ ดิ มาเรีย ได้ยกย่อง เด เคอา ให้คู่ควรรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังเซฟอุตลุตพา ฝ่ายผีแดง เปิดบ้านทิ่ม ทอฟฟี่สีน้ำเงิน 2-1 พร้อมยินดี ฟัลเกา เปิดซิงได้แล้ว

หลังจากที่ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกจรวดของ หมู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกชั้นนำแห่งศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวยกย่อง ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูชาวสเปนว่าเป็นผู้ที่สมควรได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ อย่างแท้แน่ๆ ภายหลังที่โชว์ฟอร์มป้องกันประตูช่วยเหล่าไว้นับครั้งไม่ถ้วน

ซึ่งแถมยังได้เซฟลูกโทษทำให้พาทัพ คณะปีศาจแดง เปิดบ้านเชือด คณะเอฟเวอร์ตัน 2-1 ครั้นวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคมที่ทะลวงมา พร้อมกับแสดงความยินดีกับ ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกคณะชาติโคลอมเบีย ที่เบิกประตูแรกในสีเสื้อของ เร้ด เดวิลส์ ได้แล้ว

โดยที่ ปีกกลุ่มชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งได้รับเฟุ้งเฟื่องกให้เป็น ผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมล่าสุดกล่าวยกย่องฟอร์มการเซฟประตูของ เด เคอา ว่า ผมคิดว่า ดาบิด คือผู้ที่สมควรได้รับคำยกย่องมากที่สุด เขาช่วยป้องกันประตูให้เราตลอดทั้งเกม เพราะเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายเกม รวมไปถึงป้องกันลูกโทษที่จุดโทษด้วย ไม่เหมือนแต่เขาเหมือนคนเดียว ผู้เล่นที่เหโจษจันก็สมควรที่จักได้รับคำชื่นชมเช่นเดียวกัน

พร้อมด้วยนอกจากนี้ ดิ มาเรีย ยังกล่าวถึงการที่ ราดาเมล ฟัลเกา เปิดซิงยิงประตูแรกในสีเสื้อพวก ปีศาจแดง ในเกมที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2 - 1 ว่า ใช่นั่นคือที่สำคัญเพราะด้วยเขา เขากำลังมองหาประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ซึ่งมันสำคัญกับเขามาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เรารอบรู้เก็บ 3 คะแนนได้ พร้อมด้วยเราหวังว่าเราจักไต่อันดับขึ้นไปบนหัวตารางได้