แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิเคราะห์ผลบอล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิเคราะห์ผลบอล แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข้อมูลบอลฝ่ายหงส์แดง ลิเวอร์พูลข้างหลังเรียนจบศึกพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา

กรุ๊ปพาเลซพลิกแซงหักปีกหงส์แดง3-1




ซึ่งภายหลังที่วิเคราะห์ผลบอลพวกหงส์แดง ยังโชว์ฟอร์มแย่ๆ ต่อเนื่อง หลังจากที่อุตส่าห์ได้ แลมเบิร์ต ที่ยิงให้หมู่นำก่อนในสองนาทีแรก แต่สุดท้าย กรุ๊ปพาเลซ นั้นรัวทีเดียวสามลูกรวดพลิกกลับมาคว้าชัยไป 3-1 ทำให้อันดับไปรั้งที่ 12 ของลีกเรียบร้อย

เพราะที่การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014-2015 ที่สนาม เซเฮิร์ส พาร์ค  คณะคริสตัล พาเลซ ต้อนรับการมาเยือนของ ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล

ซึ่งในนาทีที่ 2 แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องถึงกับช็อก ภายหลัง เหล่าคริสตัล พาเลซ นั้นต้องมาเสียประตูไปก่อน จากจังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า เปิดข้ามแนวรับให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต หนีการประกบ ก่อนจะพักบอลแล้วซัดเรียดผ่านมือ จูเลี่ยน สเปโรนี่ เข้าไป เหล่าลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

ต่อเนื่องมาถึงนาทีที่ 17 ครั้นฝ่ายพาเลซ ก็ได้เฮบ้างครั้นมาตามตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1 ครั้นเมื่อ ยานนิค โบลาสซี่ ลากหนีแนวรับ เหล่าหงส์แดง ก่อนจักตัดสินใจซัดเต็มข้อด้วยขวาระยะ 25 หลา บอลเรียดหนีมือ ซิมง มินโญเลต์ พุ่งชนเสากระดอนออกมา แต่ลูกยังเข้าทาง ดไวท์ เกล วิ่งมาซ้ำจ่อเข้าไปได้สำเร็จ

ในนาทีที่ 34 ทีมหงส์แดง นั้นเกือบได้ประตูออกนำอีกครั้ง คราวนี้ โจ อัลเลน ครอสจากฝั่งซ้ายไปให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต ที่อยู่เสาไกลได้โอกาสขึ้นโขกคนเดียวจ่อๆ แต่โชคไม่ดีบอลดันหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 36 ทีมพาเลซ นั้นต้องถอดเอา ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมากำกับเกมรับของหมู่แทน

พร้อมกับในช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีประเติมเพิ่ม หมดเวลาทั้งสองเหล่าเสมอกันไปก่อน 1-1

ซึ่งนาทีที่ 48 ทางด้านเหล่าลิเวอร์พูล นั้นก็มาได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 30 หลา สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่ซัดแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปเสียก่อน

ในนาทีที่ 53 ตัวของมาร์ติน สเคอร์เทล มาโดนใบเหเอิกเกริกงเป็นคนแรกของเกม โทษฐานเจ้าตัวเข้าไปดึงแขนของ มารูยาน ชามัคห์ เพื่อเป็นการขัดขวาง

นาทีที่ 61 ฆาบี มานกิโย่ ต้องมารับใบเหลือง หลังเจตนาไปดึง ชามัคห์ ที่หน้าเขตโทษ

และในนาทีที่ 71 หมู่หงส์แดง นั้นได้ตกลงใจถอด อดัม ลัลลาน่า ออก แล้วส่ง ฟาบิโอ บอรินี่ ลงสนามเพื่อลุ้นทำประตูให้กรุ๊ปเพิ่ม

ต่อมาในนาทีที่ 74 กลุ่มลิเวอร์พูล นั้นต้องถอด โจ อัลเลน ที่มีปัญหาเลือเลื่องกออกบนศีรษะที่แตกมาจากครึ่งแรก เพราะเปลี่ยนเอา เอ็มเร่ ชาน ลงสนามมาช่วยเกมแดนกลางแทน ขณะที่ เหล่าพาเลซ ก็ส่งให้ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงสนามเป็นคนที่สอง เพราะเปลี่ยนเอา เจสัน พันเชี่ยน ออกไป

กับตราบใดถึงนาทีที่ 78 แฟนบอลทีมคริสตัล พาเลซ ก็ได้เฮกันทั้งสนามครั้นเมื่อหมู่มาทำประตูที่สองสำเร็จ จากจังหวะที่บอลกำลังลอยกลางอากาศ เดยัน ลอฟเรน ที่ตามประกบ ยานนิค โบลาสซี่ จากริมเส้นไปล้มแล้วบอลตกเข้าหัวพอดีให้ดาวเตะ หมู่พาเลซ เลี้ยงหนีไปได่ ก่อนเจ้าตัวจักตบเข้ากลางให้ โจ เลดลี่ย์ วิ่งมาซัดตรงกลางลอดตัว ซิมง มินโญเลต์ เข้าไป เจ้าถิ่นพลิกขึ้นนำ 2-1

ต่อมาในนาทีที่ 81 สถานการณ์ยังเป็นใจให้เจ้าถิ่นต่อเนื่อง คราวนี้หมู่มาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ไมล์ เยดินัค วิ่งมาปั่นด้วยขวา บอลเลี้ยวข้ามกำแพง ก่อนจะอ้อมหนีมือ มินโญเลต์ เข้าไปอย่างสวยงาม หมู่คริสตัล พาเลซ ได้นำเพิ่มอีกเป็น 3-1

นาทีที่ 86 พวกพาเลซ ปลงใจถอด ยานนิค โบลาสซี่ ที่เกมนีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมออกไปพักท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนๆ ในสนาม ก่อนจักให้ แบร์รี่ แบนแนน ลงมาเล่นแทน

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมทั้งสองกลุ่มเกือบมีลุ้นได้ประตูกันหลายครั้งแต่ก็พลาดไป สุดท้ายหมดเวลา หมู่คริสตัล พาเลซ ได้เปิดบ้านเอาชนะ หมู่ลิเวอร์พูล ไปได้สำเร็จผลบอล 3-1

นั่นทำให้ หมู่พาเลซ ได้เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 15 ของตาราง ส่วน กรุ๊ปหงส์แดง จากความพ่ายพ่ายนัดนี้ทำให้ทีมตกมาอยู่อันดับ 12 เพราะว่ามีอยู่แค่ 14 คะแนน เท่านั้น

มาดูรายการผู้เล่น คริสตัล พาเลซ 4-4-1-1 :

  1. จูเลี่ยน สเปโรนี่ 
  2. มาร์ติน เคลลี่
  3. สก็ตต์ แดนน์
  4. ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ เปลี่ยนตัว เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาในนาทีที่ 36
  5. โจเอล วอร์ด 
  6. เจสัน พันเชี่ยน เปลี่ยนตัว เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงมาในนาทีที่ 76
  7. ไมล์ เยดินัค
  8. โจ เลดลี่ย์
  9. ยานนิค โบลาสซี่ เปลี่ยนตัว แบร์รี่ แบนแนน ลงมาในนาทีที่ 86
  10. มารูยาน ชามัคห์ 
  11. ดไวท์ เกล


ผู้เล่นสำรอง

  1. เวย์น เฮเนสซี่ 
  2. วิลฟรีด ซาฮา 
  3. เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 
  4. แอนดรูวส์ จอห์นสัน


มาดูระเบียนผู้เล่น พวกลิเวอร์พูล 4-2-3-1 :

  1. ซิมง มินโญเลต์ 
  2. ฆาบี มานกิโย่
  3. มาร์ติน สเคอร์เทล
  4. เดยัน ลอฟเรน
  5. เกล็น จอห์นสัน 
  6. โจ อัลเลน เปลี่ยน เอ็มเร่ ชาน ลงมาในนาทีที่ 74
  7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด 
  8. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
  9. ฟิลิปป์ คูตินโญ่
  10. อดัม ลัลลาน่า เปลี่ยน ฟาบิโอ บอรินี่ ลงมาในนาทีที่ 71 
  11. ริคกี้ แลมเบิร์ต


ผู้เล่นสำรอง

  1. แบร๊ด โจนส์ 
  2. โคโล่ ตูเร่ 
  3. อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 
  4. ลูคัส เลว่า 
  5. ลาซาร์ มาร์โควิช


กรรมการผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์

ติดตามชมดูคลิป ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก


เดอะคล็อปป์ได้โผล่ชื่อนั่งแท่นกุนซือหงส์แทนบีร็อด




ซึ่งบีร็อด นั้นคงจักได้เก้าอี้ร้อน หลังจากที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรากฏชื่อเตรียมนั่งแท่นบัลลังก์กุนซือใหม่ ฝ่ายหงส์แดง หลังผลงานโคตรแย่ เก็บชัยได้แค่ 2 นัดจาก 12 เกม

พร้อมทั้งก็ดูเหมือนขาเก้าอี้กุนซือของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการพวก ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะริเริ่มสั่นคลอนเสียแล้ว ครั้นเมื่อล่าสุดมีรายงานว่า พวกหงส์แดง ได้วางตัว เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของ ฝ่ายโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังแห่งเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน เข้ามาเสียบตำแหน่งแทน ภายหลังที่ บีร็อด นั้นเพิ่งพากรุ๊ปบุกไปจำนน กลุ่มคริสตัล พาเลซ ที่ ถิ่นเซลเฮิร์ทส์ พาร์ค 1-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วันที่ 23 พฤศจิกายนที่ทะลุทะลวงมา

ซึ่งโปรแกรมบอลพวกหงส์แดง นั้นได้ออกสตาร์ทฤดูกาล 2014 - 2015 ได้อย่างย่ำแย่ เก็บชัยชนะได้เช่น 2 นัดเท่านั้นจากเกมลีก 12 นัดหลังสุด แถม 3 นัดล่าสุดพ่ายรวดทั้งหมด รั้งอยู่ที่ 12 ของตาราง แข่ง 12 นัด มี 14 แต้ม

นั่นจึงทำให้แฟนๆ ชาวเดอะ ค็อป และเหล่าบรรดาเกจิลูกหนังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะล่าสุดมีรายงานเกิดขึ้นว่าทางบอร์ดบริหารของ กรุ๊ปลิเวอร์พูล ได้วางแผนทาบทาม คล็อปป์ เข้ามาทำหน้าที่แทน ร็อดเจอร์ส หลังเจ้าตัวนั้นเคยออกมายอมรับว่าสนใจที่จักเข้ามาทำงานใน อังกฤษ

และที่ก่อนหน้านี้ กุนซือใหญ่ทัพ หมู่เสือเหลือง ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องทำงานในแดนผู้ดีเอาไว้ว่า ผมคิดว่า อังกฤษ เป็นที่เดียวเท่านั้นที่ผมควรไปทำงาน ถัดจาก เยอรมัน ผมคิดว่า อังกฤษ นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะมันเป็นประเทศเดียวที่ผมรู้จักภาษา ซึ่งการทำงานของผมมันจำเป็นต้องใช้ภาษาอย่างมาก ด้วยกันถ้าเกิดมีใครติดต่อผมมา มันก็น่าที่จักลองคุยดูนะ

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ฟุตบอล: แฟนบอล ยานาไซ ห้ามดูหนอ?

แฟนบอล ยานาไซ อย่าอ่านนะ?




เพราะ 3 คะแนนสำคัญของ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากการคว้าชัยเหนือหมู่รองบ่อนอย่าง ทีมคริสตัล พาเลซ 1 - 0 ขณะสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คงจะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ สมมติอดีตดาวรุ่งที่ใครๆ ต่างก็พูดถึงขณะช่วงต้นซีซั่นที่แล้วนามว่า อัดนาน ยานาไซ โลดแล่นอยู่ในสนามครบ 90 นาที

ซึ่งในนัดนี้ได้รับเสียงด่าอย่างมากโข เพราะด้วยการวิเคราะห์ผลฟุตบอลฟอร์มการเล่นอันสุดแสนจะห่วยแตกของ อัดนาน ยานาไซ ในฤดูกาลนี้ หรือว่าถ้าจักให้พูดแท้จริงๆ ก็น่าจะเป็นมาตั้งแต่ช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วละ ถ้าท่านผู้อ่านได้เคยติดตามงานเขียนของผมมาก่อน ก็คงจะทราบดีว่าผมนั้นเป็นแฟนบอล หมู่ปีศาจแดง แบบสุดลิ่มทิ่มประตูคนนึงเลยหละ ฉะนั้นการที่จะให้มาเขียนสกู๊ป ตำหนิติติงนักเตะคณะโปรดของตัวเอง บางพวกันก็ทำยากอยู่นะ แต่วันนี้มันถึงจุดแล้วแน่นอน ๆ




ภาพห่วยจนถูกหนังสือ Deviemag จับมาล้อ จาก Devilmag.com


ด้วยกันความจริงๆแล้วผมประสงค์จะเขียนถึงข่าวแมนยู ตัว ยานาไซ มาตั้งแต่ 2 - 3 เกมก่อนหน้านี้แล้วนะ แต่ก็คิดว่าอะ ลองให้โอกาสมันดูอีกสักหน่อยละกันวะ อีกอย่างตอนนั้นสาวกผู้คลั่งไคล้ในตัวของดาวเตะหน้าหล่อรายนี้ ไม่ใช่หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ติ่ง ก็ยังค่อนข้างแยะอยู่ ฉะนั้นโอกาสที่ผมจะโดนติ่งเหล่านั้นรุมโทรมด้วยคำหยาบคายมีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

ซึ่งผมจึงเเอิกเกริกกที่จะเลี่ยงไปก่อน แต่ครั้งกาลเวลาเปลี่ยน ติ่ง ทั้งหลายก็โหมโรงได้เห็นธาตุแท้ของไอหนูขี้เก๊กรายนี้ ชัดขึ้นๆ เรื่อยๆ จากที่เคยหลง ก็เหฟุ้งเฟื่องแค่รัก จากที่เคยรัก ก็เหเอิกเกริกแค่ชอบ จากที่เคยชอบ กลับกลายเป็นเฉยๆ จนทุกวันนี้บางคนเกลียดแล้วด้วยซ้ำ

เพราะเหตุนี้ วันนี้ผมขอพูดถึงจอมเลี้ยงร่างอ้อนแอ้นสักหน่อยเถอะ มันอดรนทนไม่ไหวแล้วแน่นอนๆ เพราะว่าฟอร์มการเล่นแบบฉายเดี่ยว กรูเก่งคนเดียว ไม่คิดจะส่งให้ใคร ยิงทิ้งยิงขว้าง ยึกๆ ยักๆ เล่นมากจังหวะ ทำลูกง่ายให้เป็นลูกยาก ลากถึงเส้นหลังแล้วไม่เปิด แต่เจือกล็อกกลับหลัง พร้อมทั้งจบด้วยการยึกๆ ยักๆ พร้อมทั้งอีกหลากหลายร้อยสิ่งที่เขาทำให้เกมรุกของ ฝ่ายปีศาจแดง นั้นเพลาฤทธิ์เดชลงไป

ด้วยกันผมก็มั่นใจอีกว่า ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็น ประชาชนทนไม่ไหว ที่ต้องขออกมาต่อต้านการส่ง ยานาไซ ลงเล่นเป็นตัวจริงๆ เพราะว่าเท่าที่ตามอ่านความคิดเห็นของเหล่าบรรดาสาวก พวกอสูรแดง ในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจักทั้ง

  1. ทาง เฟสบุ๊ก
  2. ทาง ทวิตเตอร์
  3. ทาง อินสตราแกรม 
  4. ทาง กระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ 


ซึ่งแฟนผีร้อยละ 80 ต่างก็ออกมาด่า ยานาไซ ซะเละเทะไม่มีชิ้นดี




ภาพจาก Devilmag ขอขอบคุณภาพจาก Devilmag.com

ซึงเพราะติ่งของ ยานาไซ บางท่านอาจจักอ้างว่า โหยย ก็คนไทยมันขึ้นชื่อเรื่อง เกรียนคีย์บอร์ด อยู่แล้วนี่หว่า มันก็ต้องด่ากันอยู่แล้ว ผมจะบอกกล่าวว่าที่อังกฤษเอง เขาก็คิดกันอย่างนี้ครับ ขนาดสาวกอสูรวัยขบเผาะนามว่า ชาร์ลี ยังต่อว่าปีกจอมยึกยักรายนี้เลยครับ ถ้าไม่เชื่อ ผมมีคลิปมาให้ดู



จักรู้สึกอายเด็กมันบ้างไหมนะ

ซึ่งเจ้าหนูน้อยชาร์ลีผู้น่ารักได้ให้สัมภาษณ์ถึงชัยชนะที่ หมู่ปีศาจแดง นั้นมีเหนือ หมู่ปราสาทเรือนแก้วผลบอล 1 - 0 ว่า 3 คะแนนในวันนี้สำคัญต่อเหล่าอย่างมาก แต่เกมของเรายังค่อนข้างช้าอยู่ โดยเฉพาะ ยานาไซ เขาเล่นบอลได้ช้ามาก ทำเกมเสียจังหวะตลอด เขาคือจุดอ่อนของพวก และก่อนที่ ชาร์ลี จะไปวิพากษ์วิจารณ์ อังเคล ดิ มาเรีย พร้อมทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ต่อ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นของเราแล้วหละ 5555

ก็ได้เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็นึกได้คุ้นๆ เหมือนกับว่า ผมเคยเขียนเรื่องราวของเขามาแล้วทีนึง ตอนช่วงต้นฤดูกาล ยุคที่เพิ่งจะได้รับเสื้อหมายเลข 11 เลยลองกลับไปขุดหาดู ปรากฏว่า เห้ย แท้ๆ ด้วยตอนนั้นผมเขียนไว้ ว่าด้วยเรื่องของ ชื่อชั้นที่ยังไม่สมควรจะมาใส่เบอร์ 11 ต่อจาก แข้งระดับตำนานอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ เพราะมันจะทำให้เด็กหนุ่มวัยแค่ 19 ปี ต้องแบกรับความกดดันไว้มหาศาลนั่นเอง พร้อมกับดูเหมือนว่าระยะนี้ สิ่งที่ผมคิดไว้ในตอนนั้นมันจะถูกต้องเสียด้วย

และนอกจากนี้ในบทความนั้น มีใจความท่อนนึงผมเขียนไว้ว่า ผมรู้สึกว่า ยานาไซ ไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่กลับถูกมองว่าเก่ง ด้วยกันให้มูลค่าจนเกินตัวไปมากหลายมาก สิ่งที่ผมจะพูดถัดไปอาจทำร้ายจิตใจแฟนผี แต่โปรดยอมรับเถอะครับว่า ราฮีม สเตอร์ริ่ง ปีกกึ่งกองหน้าของ กลุ่มหงส์แดง ลิเวอร์พูล คู่กัดตลอดกาลของ คณะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกดันขึ้นมาสู่พวกชุดใหญ่พร้อมๆ กับ ยานาไซ มีการพัฒนาที่มากกว่า และดูดีมีอนาคตกว่าโข

ซึ่งถ้าต่างว่าใครจักแจ้งให้ทราบว่าผมอคติกับดาวรุ่งขวัญใจแฟนผีรายนี้ ผมก็คงต้องขอน้อมรับไว้ แต่ผมคิดว่าฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวก็น่าจักตอบโจทย์ทุกอย่างได้แล้ว ไม่ว่าจักเป็นการเล่นมากจังหวะ การหวงบอล การยิงโดยไม่หวังผล ซึ่งแม้ ยานาไซ ไม่ยอมปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเอง อนาคตคงก้าวจากนั้นลำยากแน่ๆ

ถ้าจะนับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก ลอดไปแล้วอีก 10 นัด ความคิดของผมที่มีต่อ ยานาไซ ก็ยังคงเดิม แถมขอยอมรับตรงๆ ด้วยเลยว่า ริเริ่มจักมีความเกลียดเข้ามาเจือปนแล้วด้วยซ้ำ





ภาพเกมแรกในทีมชุดใหญ่ อย่างไม่เป็นทางการ ของ ยานาไซ ก็คือการมาโชว์ความพริ้วที่แดนสยามนี่เอง

ซึ่งถ้าสมมต ลองย้อนกลับไปตราบฤดูกาลที่แล้ว ยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักมากนัก เจ้าตัวได้รับโอกาสให้ลงเล่นในช่วง พรี - ซีซั่น พร้อมกับก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว รวมถึงได้ลงเล่นในการมาทัวร์เมืองไทยด้วย เกมนั้นเล่นดีมากๆ ส่วนเกมที่ได้ลงเอาฤกษ์สนามในกลุ่มชุดใหญ่อย่างเป็นทางการเลยก็คือการลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ แอชลี่ย์ ยัง ในนาทีที่ 68 เกมนั้นพลพรรค หมู่เร้ด เดวิลส์ ได้เอาชนะ เหล่าคริสตัล พาเลซ ไปได้ 2-0 พร้อมทั้งเจ้าตัวก็ยังทำผลงานได้ไม่เลว

ด้วยกันหลังจากนั้น เกมที่ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดให้ ยานาไซ อย่างเต็มตัวก็มาถึง คราวเขาถูก เดวิด มอยส์ ส่งลงเป็นตัวจริงๆครั้งแรกในเกมที่พบกับ เหล่าซันเดอร์แลนด์ โดยเจ้าตัวเหมาคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดสร้างปาฏิหาริย์พลิกนรกจากที่ตามหลังอยู่ 1 - 0 กลับมาชนะได้ 2 - 1 พร้อมด้วยภายหลังเกมนั้นเองผู้คนทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญเขา สื่อหลายสำนักรุมสัมภาษณ์ สโมสรยักษ์ใหญ่เริ่มต้นตามจีบ พร้อมด้วยหลายคนอาจมองว่าเป็นเกมแจ้งเกิด แต่ด้วยว่าผมมันคือจุดที่ทำให้วัยรุ่นคนนี้ สมาธิแตกกระเจิงเสียมากกว่า เพราะเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกุนซือจอมเฮี้ยบอย่างโค้ช เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เสียด้วย




คลิปเกมแจ้งเกิดของตัว ยานาไซ

ซึ่งไม่กี่วันถัดมาโปรแกรมบอล ภายหลังเกมดังกล่าวด้านบน หมู่ปีศาจแดง ก็จัดการมอบให้คำมั่นฉบับใหม่ระยะยาวถึง 5 ปี พร้อมค่าจ้างสูงถึง 60,000 ปอนด์เหรอกะ 3 ล้านบาท ต่อสัปดาห์ พร้อมเงินกินเปล่าค่าเซ็นสัญญาที่เด็กอายุ 18 ปีจักได้เอาไปใช้ฟรีๆ อีก 5 ล้านปอนด์ไม่ใช่หรือกะ 250 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีวัยกะเตาะเช่นชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว

พร้อมกับผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่า มีใครได้สังเกตุเหมือนผมหรือไม่ไม่ว่า ตั้งแต่ อัดนาน สะบัดน้ำหมึกพร้อมรับค่าแรงมหาศาล เจ้าตัวก็เปลี่ยนไป ทั้งการแต่งตัว การวางตัว รวมถึงฟอร์มการเล่นในสนามบอล


พูดแบบไม่อ้อมเลยก็คือ ขี้เก๊ก ขี้แอ็ค ขี้เลี้ยง กว่าเดิมอื้อซ่ามากๆ เลย พร้อมกับอย่างที่กล่าวละครับ พอมาในฤดูกาลนี้ เขาได้สวมเบอร์ 11 อีกด้วย ผมคิดว่าทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าตัวเองยิ่งมีความสำคัญกับกลุ่ม บวกกับแรงกดดัน ฟอร์มมันถึงออกมาได้ห่วยแตกแบบสุดลิ่มทิ่มประตูแบบนี้นี่ละครับ แถวบ้านผมเขาเรียกอาการแบบนี้ว่า ทองลอก ครับ ความหมายก็คือคนที่ดี นานวันไปก็กลับกลายเป็นคนเลว อะไรราวๆนั้น แต่ในกรณีนี้ ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า มันเคยมี ทอง อยู่ในตัวเจ้าเด็กนี่มาก่อนหรือไม่เปล่าด้วยซ้ำ




ภาพเซ็นข้อตกลงยิ้มแป้น รับทรัพย์และเงินก้อนโต

ซึ่งอีกประเด็นนึงที่หิวจะเขียนถึงแต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวยาวก็คือ มีหลายคน สั่งว่า ให้ดู โรนัลโด้ ตอนมาใหม่ๆ สิ มันก็ขี้เลี้ยงอย่างนี้แหละ เดี๋ยวสักวัน ยานาไซ ก็อาจจะเป็นถึงระดับโด้ได้บ้าง โอ้ยยย แน่แท้ครับที่ตอนนั้น เจ็ทโด้ มันขี้เลี้ยง แต่ขอโทษ ทรงมันดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ทำไมไม่ลองไปเทียบพวกขี้เลี้ยงแบบ นานี่ เบเบ้ ดูบ้างละครับ?

พร้อมด้วยผมขอพูดตรงนี้เลยว่าตัวของ ยานาไซ ไม่มีทางเหมือน โรนัลโด้ แค่ใกล้เคียงยังไม่มีวันเลยด้วยซ้ำ ผมรับประกัน

สิ่งสุดท้ายนี้ แม้ว่า ยานาไซ จะเป็นคนที่ผมชอบน้อยที่สุด ในกรุ๊ป ณ เวลานี้ แต่ในฐานะที่ผมคือสาวก ฝ่ายปีศาจแดง ฉะนั้นตราบใดที่แข้งวัยกะเตาะรายนี้ยังคงอยู่ในเหล่า เราก็คือสายเลือเลื่องดเดียวกัน ผมก็ขอเอาใจช่วยให้ปีกฝ่ายชาติเบลเยี่ยม ก้าวข้ามความกดดันในการสวมเสื้อเบอร์ 11 ต่อจากตำนาน ปีกขนดก ไปให้ได้

พร้อมด้วยรวมถึงต้องพยายามปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเล่น พร้อมทั้งเร่งพัฒนาฝีเท้าให้ดีขึ้นกว่าเดิมในตารางพรีเมียร์ลีกด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือ หลุยส์ ฟาน กัล ช่วยอย่าส่งมันลงตัวแน่ๆบ่อยนักได้มั้ยวะ จับมันดองข้างสนาม พร้อมๆ กับลูกรักของคุณอย่าง ฟาน เพอร์ซี่ ด้วยก็จักดีมาก

ชิน ชินพัฒน์

เขียนโดย : Giggsmanu11

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประกาศฟุตบอลการสู้รบพรีเมียร์ลีกและโปรแกรมบอลพรุ่งนี้

จับปลาหลายมือ?





ทางด้านฟุตบอลในโซนยุโรป หลักๆ ก็มี 3 รายการเหตุด้วยหมู่ใหญ่ ก็คือ

  1. ศึกบอลลีก
  2. ศึกบอลถ้วย
  3. ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


แต่ก็มีบางประเทศอย่าง 1.ฝรั่งเศส พร้อมด้วย 2.อังกฤษ ที่มี 4 รายการ บุกเบิกซีซั่นมาได้ 3 เดือนแรก 4 บิ๊กโฟร์ อย่าง


  • เหล่าอาร์เซน่อล
  • พวกเชลซี
  • คณะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 
  • คณะลิเวอร์พูล 


ซึ่งก็ไม่ค่อยจักทำผลงานดีสักเท่าไหร่นักในทุกๆ รายการ เว้นก็แต่ กรุ๊ปเชลซี ไว้หนึ่งกลุ่ม

และเพราะว่าเฉพาะในเวทียุโรป ที่ทั้ง เหล่าเรือใบ และ หมู่หงส์แดง แชมป์กับรองแชมป์ลีกตราบใดฤดูกาลที่ผ่านมา ต่างทำให้แฟนบอลพันธุ์แท้ของทั้ง 2 กลุ่มนั้นกำลังปวดกระเพาะอาหารอยู่ เพราะว่าสถานการณ์รอบแบ่งกลุ่มไม่สู้ดีนัก




เปิดฉากกันที่พวกลิเวอร์พูลหลังจากได้เปลี่ยนเข้ามาเล่นชปล ในปีนี้ ก็พลอยทำให้ผลงานทั้งในลีกและบอลถ้วยตกลงไปพอๆ กัน

พร้อมด้วยเพราะว่าในปีนี้ ทางศึกพรีเมียร์ลีก ได้แบ่งมาให้ฟรีทีวีดูด้วย ก็เลยมีบางอาทิตย์ผมได้ดูฟอร์มเหล่าจากอังกฤษ ซึ่งก็แสดงเลยว่า ป้อแป้ สุดฤทธิ์ ถามว่าพวกเขามีศักยภาพที่จักชนะทุกๆ เหล่าในกลุ่มตัวเองไม่ก็ไม่ แน่นอนว่า 100 เปอร์เซนต์คือมีแน่ๆ เนื่องด้วยโอกาสที่จะชนะ

แต่ว่าคำถามตรงหน้าคือ พวกเขาพร้อมหรือไม่ก็ไม่ กับการเก็บ 3 คะแนนใน 6 เกมของรอบแบ่งกลุ่ม พูดได้เลยว่าไม่พร้อมอย่างแรง

พร้อมทั้งอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คิดเหมือนกัน ซึ่งผมได้นั่งคิดนอนคิดเกี่ยวกับผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของพวกจากอังกฤษ ซึ่งปัญหามันน่าจะตั้งต้นมาจากจุดๆ เดียวกัน

ซึ่งนั่นก็คือโปรแกรมบอลเตะที่เกริ่นไปในข้างต้น ซึ่งผมมองว่านี่เป็นปัญหาหลัก ที่ทำให้หมู่จากอังกฤษ ไปได้ไม่ถึงฝัน ด้วยการที่พวกเขามีรายการให้เล่นมากกว่าประเทศอื่นหนึ่งรายการ บวกกับยุคยุคนี้ที่ไม่มีการทิ้งถ้วยไหนๆ เหมือนเป็นเทรนด์ใหม่ ที่ขนาด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการคณะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เคยพลีชีพด้วยการส่งเยาวชนลงทั้งพวกเพื่อทิ้งบอลถ้วยจนชาวบ้านชาวช่องด่ามาแล้ว ถึงขั้นบ้าจี้ทำตามอยู่หลายปี ด้วยการเอาจริงๆในบอลถ้วยตามกระแสของ ทีมแมนฯ ซิตี้ และ หมู่เชลซี ที่มีขนาดกลุ่มใหญ่ รอบรู้เปลี่ยนผู้เล่นทั้งชุดก็ยังดูเป็นชุดใหญ่ได้มาแล้ว

ก็เหนื่อยสิครับงานนี้ พร้อมทั้งสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นไม่ได้ดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายการไหนๆ จนทำให้คณะเกือบพัง แฟนบอลในไทยเกือบปิดเฟซบุ๊คกันแทบไม่ทัน

สังเกตไหมครับว่าศึก แคปิตอล วัน คัพ Big4 แดนผู้ดีเล่นเอาแท้เหมือนกัน แม้จักมีหมุนเอาสำรองลงบางตำแหน่ง กับมีถึง 2 ฝ่ายที่เข้าถึงรอบ 8 ฝ่ายสุดท้าย

ซึ่งผมนั้นก็ขอยกตัวอย่างสโมสร ฝ่ายลิเวอร์พูล ที่กุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประกาศซื้อตัวเพื่อเอาไว้สับเปลี่ยนผู้เล่น ยามลงแข่งในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เจ้ากรรมดันโชคไม่ค่อยดี จับสลากมาอยู่กับ พวกเรอัล มาดริด แชมป์เก่า แถมมีเหล่าสุดอันตรายและประมาทไม่ได้อย่าง บาเซิ่ล อยู่ด้วย ทำให้งานมันดูยากขึ้นเหมือนกัน

เพราะว่าที่หลายๆ ฝ่ายอาจจะมองว่าพวกเขา โชคไม่ดีที่ต้องไปอยู่กับคณะที่เหนือกว่าทั้ง เหล่าเรอัล มาดริด แชมป์ปีที่แล้ว และแชมป์ 10 เวลา แต่ถ้าเจาะรายละเอียดลึกๆ แล้วพวกเขาไม่ได้พ่ายแพ้แล้วเล่นดีนี่สิ

พร้อมกับผลบอล 0 - 3 ในถิ่น แอนฟิลด์ ก็ทำให้ใครๆ ก็ต่างโจมตีว่ามาตรฐานระหว่าง ทีมเรอัล มาดริด ด้วยกัน คณะลิเวอร์พูล มันต่างกันมาก

ซึ่งมันก็แน่แท้อยู่ที่ว่า กรุ๊ปราชันชุดขาว มีแนวรุกระดับโหดถึงขั้นทำเด็กร้องไห้ได้ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเป็น ฝ่ายหงส์แดง ครั้นฤดูกาลที่เปลี่ยนมา ช่วงที่พวกเขาชนะติดต่อกัน 11 นัด เอาฟอร์มแบบนั้นมาเตะเกมดังกล่าว ทีมเรอัล มาดริด อาจจ๋อยกลับบ้านก็ได้



สู้ได้ดีกว่านัดแรก แม้จักจำนนชุดขาวไป 0 - 1

ซึ่งมันก็ไม่เชี่ยวชาญเป็นแบบนั้นได้ รวมถึงผลงานรายการอื่นของ ฝ่ายลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้ดีเสียด้วยสิ มันเลยทำให้พ่ายพังพาบอย่างที่เห็นผลบอล 0-3 ทั้งๆ ที่มองกันว่า 11 ผู้เล่นตัวแท้เกมดังกล่าว ถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดของกรุ๊ปเลยก็ว่าได้ จะขาดก็แต่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้น

และบางคนสนทนายังดีที่มันยังไม่ใช่เกมชี้เป็นชี้ตาย ถึง ทีมหงส์แดง จำนนเกมนี้ ก็ยังมีอีก 3 นัดให้แก้ตัว แต่เจ้ากรรมจุดเปลี่ยนมันมาตั้งแต่นัดที่บุกไปพ่าย กรุ๊ปบาเซิ่ล 0 - 1 แล้วล่ะ เพราะแน่นอนว่าตามหน้าเสื่อ พวกเขาต้องลุ้นกับยอดกลุ่มจากสวิส เพื่อแย่งตั๋วรอบน็อคเอาต์อีกใบ

แต่ว่าสถานการณ์ คราวนี้มันยิ่งลำบางขึ้นอีกขั้น โชคดีที่ เหล่าบาเซิ่ล ดันแพ้ ลูโดโกเร็ตส์ ในเกมที่ 3 ทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากันที่ 3 คะแนน ยังได้ลุ้นยาวๆ ใน 3 เกมสุดท้าย แต่การที่จะต้องไปเยือน ถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว เกม 4 คิดในแง่ร้ายไว้ก่อนว่าพวกเขาจักไม่ได้แต้มกลับไป พร้อมทั้ง พวกบาเซิ่ล จะชนะ พวกลูโดโกเร็ตส์ ได้ไม่ยาก

ซึ่งนั่นมันก็เป็นแบบนั้นครันๆ ที่พวกเขาแพ้ กลุ่มเรอัล มาดริด 0-1 และ หมู่บาเซิ่ล อัดไป 4-0 นำพวกเขา 3 แต้ม เหโจษจันอีก 2 นัด


พร้อมด้วยในอาทิตย์นี้ พวกเขานั้นต้องไปเจอกับ กรุ๊ป เชลซี อีก นั้นทำให้ ตัวบีร็อด ต้องพักตัวหลักมันซะเลย


กับนี่ก็กลายเป็นว่า ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นถ้วยเล็กๆไปแล้วสินะ แล้วหันไปเอาแน่แท้ในลีกกับ แคปิตอล วัน คัพ ใช่ป่ะครับ??

อย่าทำเป็นเล่นนะครับ ในกลุ่มสำรองที่มี

  1. โคโล่ ตูเร่
  2. ลูคัส
  3. โจ อัลเลน
  4. เอ็มเร่ ชาน
  5. อดัม ลัลลาน่า
  6. ลาซาร์ มาร์โควิช 
  7. ฟาบิโอ บอรินี่ 


แต่ว่ากลับแพ้ หมู่ชุดขาว ปาง 0 - 1 !!!!

ซึ่งวิเคราะห์บอลเรื่องนี้จักไม่เกิดขึ้นอีกเลยครับ ตัวผมมั่นใจว่า เพราะว่ารูปเกมสนทนาได้เลยว่า สู้ไม่ได้ ชัดเจน แต่มองในแง่ดีคือการได้กองหลังที่ยังดูไว้ใจได้อย่าง ตูเร่ ผู้พี่ คอยแก้ขัดเวลาเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ หมายถึงเอาลงเล่นบอลถ้วย อีกคนที่ต้องซูฮกพร้อมด้วยอาจจักหักหน้านักวิจารณ์หลายๆ คนได้ คือฟอร์มของ ซิมง มิโญเล่ต์ ด้วยการที่เพื่อนร่วมทัพหน้าเขา 10 คนปั้นให้ขนาดนี้ ต่อไปความมั่นใจคงมาเต็มเปี่ยม




เกมในนัดนี้พี่เจิดเป็นได้แค่ผู้ชมข้างสนามเท่านั้น


พร้อมกับนอกจากนี้ ตัวของบีร็อด ยังสติแตกถึงขั้นดรอป เจอร์ราร์ด ไว้ข้างสนาม ทั้งๆ ที่เจ้าตัวประกาศอำลาฝ่ายชาติเพื่อจะมาเล่น ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้สถิติเฉลี่ยออกมาจักดูเหมือนว่ากรุ๊ปไม่มี กัปตันเจิด จักดูผลงานดีกว่าตอนมีอยู่ก็เถอะ มันก็เป็นตรรกะบางอย่างเท่านั้น แต่รูปเกมในสนามสิสำคัญ มี เจิด ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถูกมั๊ย แฟนหงส์

แล้วคำถามหลังจากนี้คือ

  • ประการแรก คณะลิเวอร์พูล เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรถัด. 
  • ประการที่สอง ซึ่งการที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ คนเดียว ทำให้กรุ๊ปเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ. 
  • ประการที่สาม การที่เอานักเตะตัวหลักที่ฟอร์มไม่ดีไปพัก จักได้ผลในเกมกับ หมู่เชลซี ไม่ใช่หรือไม่. 
  • ประการที่สี่ ในเกมนัดชี้ชะตากับ กลุ่มบาเซิ่ล ในนัดสุดท้ายผลจักออกมาเป็นอย่างไร. 
  • ประการที่ห้า กลุ่มลิเวอร์พูล นั้นจะเข้ารอบ 16 เหล่าสุดท้ายใช่ไหมไม่. 
  • ประการที่หก แล้วแชมป์ลีกล่ะ. 
  • ประการที่เจ็ด หมู่นั้นจักยังเก่งเบียดขึ้นไปลุ้นได้อยู่หรือไม่เปล่า.
  • ประการที่สุดท้าย และใครที่จะเข้ามาอุดรอยที่ ซัวเรซ ได้. 


ซึ่งคำถามตามมาเป็นกองมากๆ

ในทุกสิ่งทุกอย่างจะได้คำตอบในไฮไลท์ฟุตบอลเร็ววันนี้ครับ หากพวกเขายังจับปลาหลายๆ มืออยู่ เน้นทุกถ้วย ไม่ว่าจะ

  • ศึกเกมลีก
  • ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก
  • ศึกแคปิตอล วัน คัพ 
  • ศึกเอฟเอ คัพ 

ซึ่งกำลังจะเตะปีหน้า นั่นจักทำให้พวกเขาพังแน่นอน เพราะหลายๆ กลุ่มก็พังมาแล้ว จักมาหวังให้เป็นเหมือน ฝ่ายปีศาจแดง ในปี 99 มันก็คนละยุคกาลสมัยกัน ฟุตบอลยุคนี้ทำแบบนั้นได้ยากแล้ว แต่ถ้าพวกเขาเละบือกที่จักทิ้งอะไรสักอย่างไป อาจจักทำให้บางอย่างที่เขาถืออยู่ ได้ของที่ล้ำค่ามาก็เป็นได้

เพราะว่าจักต้องมาพบเกมกับ หมู่เชลซี วันเสาร์นี้ น่าจะทำให้เห็นอะไรได้หลายอย่างแล้ว สำหรับแนวทางถัดของ ร็อดเจอร์ส

กับท้ายนี้ ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ครับ พี่แกเป็นนักเตะระดับต้องโอ๋ อย่าไปจวกไปสับเขา แล้วเดี๋ยวจักเล่นดีเอง

พร้อมด้วยเหตุผลของการดรอป เจอร์ราร์ด มองในแง่ดี อาจจักทำให้เจ้าตัวแผลงฤทธิ์ในเกมวันเสาร์ กู้หน้าจากที่เคยลื่นทำถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก หลุดมือครั้งปีที่แล้วก็เป็นได้

ซึ่งสมมุติจักมาปิดโอกาสการประสบความสำเร็จของ ฝ่ายลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ต้องรับสั่งเลยว่าอย่าเพิ่งนะครับ ก็เพราะว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นเหล่าที่อันตราย แม้ช่วงนี้จักขาลง แต่ลงก็ต้องมีขึ้น อยู่ที่ว่าเขาจะเระบือก ให้เป็นอิสระพร้อมด้วยจับอะไร แต่ถ้าจับไว้หมดล่ะก็

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผลบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ปืนใหญ่ถือสิทธิ์แชมป์ค่าตั๋วมีราคาที่สุดข้างในลีก

พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ปืนใหญ่ครองชมค่าตั๋วแพงที่สุดในลีก




ขายตั๋วหรือไม่ก็ขายอะไรกันเนี่ย? ล่าสุดทางสำนักข่าว BBC ได้ออกมาปูดผลสำรวจสนนราคาตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลของแต่ละฝ่ายในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เพราะว่าราคาตั๋วที่แพงที่สุดในช่วงนี้เป็นของทางด้านเหล่า อาร์เซน่อล เพราะว่าสนนราคาจักอยู่ที่คาดว่า 5,335 บาท และตั๋วที่ถูกสุดเป็นของหมู่ นิวคาสเซิ่ล เพราะว่าสนนราคาตั๋วจักอยู่ที่ราวๆ 825 บาท

ซึ่งสนนราคาของตั๋วที่จักเข้าชมศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในนัดต่างๆ นั้น หมู่ที่ครองอันดับราคาตั๋วที่แพงที่สุดก็คือทีม อาร์เซน่อล กับเป็นราคาที่เรียกได้ว่า แพงที่สุดใน 20 คณะของลีก เพราะว่าข้อมูลนี้ทางสำนักข่าว BBC ได้ทำการสำรวจข้อมูลสถิติสนนราคาของตั๋ว ซึ่งผลที่ได้ออกมาคือกลุ่มปืนใหญ่ อาร์เซน่อลนั้นมีการจำหน่ายค่าบัตรเข้าชมฟุตบอล สนนราคาที่สูงที่สุดอยู่ที่ ใบละ 97 ปอนด์ ไม่ก็คะเนเป็นงินไทยอยู่ที่ ใบละ 5,335 บาทเลยทีเดียว

พร้อมทั้งจากการที่ทาง BBC ได้ออกมาเผยข้อมูลล่าสุดนี้ ทำให้พบข้อมูลในอดีตว่ากรุ๊ปที่ยังมีอันดับการจำหน่ายตั๋วแพงที่สุดก็ยังคงเป็นคณะ อาร์เซน่อล เช่นเดิม ถึงแม้ว่าจักมีการลดสนนราคามาแล้วจากฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่ได้จำหน่ายในมูลค่า 126 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,930 บาท ทั้งยังครองอันดับตั๋วเข้าชมรายปีแพงที่สุด ซึ่งมีค่าอยู่ที่ 2,013 ปอนด์ ไม่ก็คิดเป็นเงินไทยคะเน 110,000 บาท ส่วนราคาที่ถูกที่สุดนั้นอยู่ที่ 1,014 ปอนด์ หรือว่าคิดเป็นเงินไทยคะเน 55,770 บาท

กลับกันในขณะที่ สโมสรที่มีสนนราคาตั๋วในแต่ละเกมส์ที่ถูกที่สุดนั้นเป็นของคณะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งได้จำหน่ายในมูลค่าที่ถูกที่สุด อยู่ที่ใบละ 15 ปอนด์ ไม่ก็คิดเป็นเงินไทยคาดคะเน 825 บาท ส่วนทางด้านของแชมป์เก่าในฤดูกาลที่แล้วอย่างคณะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียกได้ว่าเป็นเหล่าที่จำหน่ายตั๋วรายปีถูกที่สุด ราคาอยู่ที่ 229 ปอนด์ ใช่ไหมคิดเป็นเงินไทยกะ 12,595 บาท

อันดับรายนาม 5 ฝ่ายแรกของศึกพรีเมียร์ลีก ที่มีค่าตั๋วแพงที่สุด

  1. อาร์เซน่อล อยู่ที่ใบละ 97 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 5,335 บาท
  2. เชลซี อยู่ที่ใบละ 87 ปอนด์ หรือไม่ก็คิดเป็นเงินไทยประมาณการ 4,785 บาท
  3. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ที่ใบละ 81 ปอนด์ ใช่ไหมคิดเป็นเงินไทยประมาณการ 4,455 บาท
  4. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อยู่ที่ใบละ 75 ปอนด์ หรือไม่ก็คิดเป็นเงินไทยคาดคะเน 4,125 บาท
  5. ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส อยู่ที่ใบละ 70 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 3,850 บาท

เห็นราคาตั๋วแบบนี้แล้วแฟนบอลชาวไทยอย่างเราๆ คงจักคิดว่า ไปดูที่ลานเบียร์ดีกว่ามั้ง ประหยัดตังไปได้หลายบาทเลยทีเดียว แต่ถ้าสมมติใครที่ต้องประสงค์ได้รับความมันส์แบบติดขอบสนามก็คงต้องขอเปรยว่า โชคดีเดินทางปลอดภัย ซื้อของมาฝากด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ เพื่อวันนี้ก็ต้องขอลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ
ติดตามข่าวฟุตบอล วิเคราะห์ผลบอล ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ตารางบอล พรีเมียร์ลีก ผลบอล เพิ่มเติมได้ที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไฮไลท์ฟุตบอล: มาพิศที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีก 7 นัดปฐมภูมิกันดีกว่า

วิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ ที่สุดของที่สุดในช่วงเปิดม่านบังตาออกสตาร์ต




ในเกมส์ฟุตบอลสุดอาทิตย์นี้บรรยากาศของพรีเมียร์ลีกจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ หลังจากที่ได้พักยาวมาถึงสองอาทิตย์เพื่อหลีกทางให้โปรแกรมบอลพวกชาติ เพราะแต่ละทีมจะต้องลงมาห้ำหั่นกันอีกครั้ง เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ เท่าที่ทะลวงพ้นอีก 31 นัดต่อจากนี้

พร้อมกับด้วยการขับเคี่ยวกันในช่วงออกสตาร์ตของฤดูกาลกาลนี้ก็ได้ตัดผ่านไปแล้ว 7 นัดแรก ซึ่งก็พอจักทำให้มองเห็นภาพได้คร่าวๆ ว่าหน้าตาของฤดูกาลนี้น่าจะออกมาเป็นยังไงบ้าง และหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนได้หยิบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นที่สุดๆ จากช่วงโหมโรงต้นฤดูกาลนี้มาให้ดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง





1.นักเตะที่เด่นที่สุด: ดิเอโก้ คอสต้า


เพราะการเสริมทัพของเชลซีในซัมเมอร์นี้ดูจักลงล็อกไปหมด ทั้ง 1.ติโบต์ กูร์กตัวส์, 2.เชส ฟาเบรกาส พร้อมทั้ง 3.ดิเอโก้ คอสต้า ที่ต่างก็ย้ายถิ่นมาพร้อมด้วยโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น พร้อมด้วยเป็นกำลังสำคัญในการพาสิงโตสีครามทะยานขึ้นจ่าฝูงแบบนำโด่ง

ซึ่งตัวของคอสต้าคือคนที่เข้ามาอุดช่องโหว่ หรือไม่ก็เข้ามาแก้ปัญหาที่เคยเจอจากฤดูกาลก่อน ให้กับฝ่ายของ โจเซ่ มูรินโญ่ ได้อย่างแท้เป็นแน่แท้ ด้วยการทำประตูได้อย่างต่อเนื่องด้วยกันเป็นกอบเป็นกำถึง 9 ลูก เข้าไปแล้วเฉพาะในลีก และผลงานของเขาก็โดดเด่นเกินหน้าเกินตาดาวเตะทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่คนไหนๆ จนถึงปัจจุบันนี้





2.เป็นเกมที่หักมุมที่สุด :  คณะเลสเตอร์ 5-3 พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ซึ่งภายหลังชนะนัดแรกในฤดูกาลได้ในเกมที่ 4 ด้วยการเปิดบ้านไล่ทุบ ทีมควีนส์ปาร์ค 4-0 ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำท่าเหมือนจะเรียกความมั่นใจกลับมาได้

ด้วยกันครั้งยกพลไปเยือนอีกหนึ่งน้องใหม่อย่าง ฝ่ายเลสเตอร์ในเกมถัดไป ฝ่ายปิศาจแดงที่คับคั่งด้วยซูเปอร์สตาร์ทั้งเก่ากับใหม่ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างจี๊ดจ๊าด ด้วยกันขึ้นนำผลบอล 2-0 อย่างรวดเร็ว ก่อนขยับหนีไปเป็น 3-1 อีกก่อนที่ทุกอย่างจะพลิกผัน ทันทีที่เสียจุดโทษแบบโชคร้ายโดนไล่มา พร้อมทั้งโดนตีเสมออีกอย่างรวดเร็ว

เพราะภายหลังนั้นทุกอย่างก็ปั่นป่วนไปหมดเหตุด้วยผีแดง ก่อนจักโดนแซงขึ้นนำ 4-3 กับเหเล่าลือผู้เล่น 10 คน ในช่วงท้ายเกมจนโดนประตูที่ 5 ปิดท้าย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 853 นัดที่ กรุ๊ปแมนฯ ยูไนเต็ดลงเตะพรีเมียร์ลีกมา ที่ ปลดเปลื้องให้การขึ้นนำ 2 ประตู กลับมาเป็นความพ่ายพ่ายแพ้ได้





3.เป็นกรุ๊ปที่สร้างเซอร์ไพรส์ที่สุด: หมู่เซาธ์แฮมป์ตัน


ฝ่ายเซาธ์แฮมป์ตันได้เสียดาวดังของกรุ๊ปไปเป็นกระบิในช่วงซัมเมอร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้จัดการพวก พร้อมทั้งทำท่าว่าจะได้รับผลกระทบเต็มๆ

โดยภายหลังที่ โรนัลด์ คูมัน ได้นำกรุ๊ปออกสตาร์ตนัดแรกด้วยความพ่ายแพ้ พร้อมกับในนัดต่อมาก็ทำได้แค่เสมอ

แต่ครั้นเมื่อได้นักเตะใหม่อย่างกราเซียโน่ เปลเล่ ริเริ่มที่จักติดเครื่องได้ในการเข้ามาแทนที่ ริคกี้ แลมเบิร์ต ขณะที่ ดูซาน ทาดิช ก็ได้เข้ามารับหน้าที่สร้างสรรค์เกมแทน อดัม ลัลลาน่า ที่จากไป ทีมนักบุญก็โหมโรงต้นโชว์ฟอร์มได้อย่างไหลลื่นเหมือนเดิม ใช่ไหมอาจจะมากกว่าเดิม จนทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตารางแล้ว หลังชนะติดต่อกันถึง 4 นัด ก่อนจักเพิ่งพ่ายแพ้อีกครั้งในเกมล่าสุด





4.เป็นฝ่ายที่เดี้ยงท่วมท้นที่สุด: เหล่าอาร์เซนอล


ซึ่งทางด้านของ แชด ฟอร์ไซธ์ สตาฟฟ์โค้ชด้านฟิตเนสของเยอรมัน อำลาฝ่ายแชมป์โลกมาร่วมงานกับคณะอาร์เซนอลในซัมเมอร์นี้

พร้อมกับกลับกลายเป็นว่าเหล่าปืนใหญ่ยังถูกรุมเร้าด้วยปัญถ้าหาการบาดเจ็บของนักเตะอื้อเหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นกองกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ซึ่งพอดาวดังหลายคนเดี้ยงกันตั้งแต่ต้นซีซั่น จนต้องพักยาวบ้างสั้นบ้างมาเกือบครบตัวหลักๆ แล้ว พร้อมด้วยอาจจะมีส่วนทำให้ผลงานของฝ่ายไม่เปรี้ยงอย่างที่คาดหวังไว้ พร้อมทั้งยังอยู่เหมือนอันดับ 8 ของตารางเท่านั้น จากการชนะแค่ 2 จาก 7 นัดแรก





5.เป็นซีนที่ดราม่าที่สุด: ตราบใดแฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงประตูกรุ๊ปเชลซี


ฝ่ายเชลซีชนะถึง 6 จาก 7 นัดแรกในฤดูกาลนี้ เพราะว่าเกมเดียวที่เสมอคือนัดที่ไปเยือน เหล่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้

นัดนี้กรุ๊ปสิงห์ครามเกือบจะเอาชนะ คณะแชมป์เก่าได้อยู่แล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธโอกาสนั้นเพราะ แฟรงค์ แลมพาร์ด นักเตะที่เคยสร้างสถิติไว้กับเหล่ามากมาย ก่อนจะถูก อนุญาตตัวออกไปในซัมเมอร์นี้

เพราะมิดฟิลด์วัย 36 ปี ได้ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองให้ หมู่เรือใบสีฟ้า ซึ่งยืมตัวเขามาจาก หมู่นิวยอร์ก ซิตี้ ต้นสังกัดใหม่ในเมเจอร์ลีก ด้วยกันได้ยิงประตูตีเสมอหมู่เก่าของตัวเองได้ก่อนหมดเวลา 5 นาที กับเป็นไปตามธรรมเนียที่เจ้าตัวจักไม่แสดงความดีใจออกมา

เพราะว่าท่านเป็นได้ติดตามชม ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ไฮไลท์ฟุตบอล เพิ่มเติมได้เลย


ที่มา: http://footballclubpza.blogspot.com/

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

โปรแกรมบอล: วิพากษ์การวิเคราะห์ผลบอลสไตล์สรรพสิ่ง รอย คีน

วิพากษ์วิจารณ์สไตล์ รอย คีน





สำหรับหน้าข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์อังกฤษ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ข้ามมา ก็คงไม่มีประเด็นไหนชิงพื้นที่สื่อได้มากเท่ากับเนื้อหาในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มที่สองในชีวิตของ รอย คีน อดีตกัปตันพวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกนำออกมาเปิดเผยแพร่ให้ได้ชิมลางกันเป็นน้ำจิ้ม ก่อนที่หนังสือที่ชื่อว่า The Second Half ของเขาจักวางขายอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้

ตัวของรอยคีน 43 ปี เพราะว่าที่ในปัจจุบันนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยโค้ชของฝ่ายชาติไอร์แลนด์พร้อมด้วย หมู่แอสตัน วิลล่า ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็น คนโผงผาง พร้อมด้วย อารมณ์ร้อน มาแต่ไหนแต่ไร จนทำให้เขาต้องแยกทางกับปิศาจแดงแบบจบไม่สวยในปี 2005 หลังจากที่ได้ขนย้ายมาร่วมหมู่ตั้งแต่ปี 1993 ด้วยกันเป็นกำลังสำคัญของคณะมาตลอด รวมถึงได้สวมปลอกแขนกัปตันฝ่ายต่อจาก เอริก คันโตน่า ด้วย

เนื่องด้วยเนื้อหาเด็ด ๆ ในหนังสือฉบับนี้ของคีนคงหนีไม่พ้นการแฉวิเคราะห์บอลพร้อมกับดับเครื่องชนทั้งอดีตกุนซืออย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ อดีตเพื่อนรวมหมู่ พร้อมกับนี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาแสบๆ คันๆ ที่มาจากมุมมองพร้อมทั้งความเห็นของคีโน่


รอย กล่าวถึง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน




ถ้าถ้าเขาทำดีด้วย ผมจักคิดทันทีว่า นี่ต้องเป็นเรื่องของผลประโยชน์แน่ ซึ่งเขากระหายความสำเร็จพร้อมทั้งไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร การไม่อ่อนโยนกับใครคือจุดเด่นของเขา ฝ่ายแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่ใหญ่กว่าคณะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์มาก แต่ความเย็นชาของเขาก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ในฐานะผู้จัดการกลุ่มแล้ว ผมมุ่งหมายเอาความอ่อนโยนของไบรอัน คลัฟกับความเฉียบขาดของเฟอร์กูสันมาผสมกัน แต่แน่นอนว่าต้องใส่ตัวตนของผมลงไปด้วยนะ



รอย กล่าวถึง กลุ่มคลาสออฟ 92



เนื่องด้วยเหล่าฟุตบอลชุดคลาสออฟ 92 นั้นเป็นนักเตะที่ดี แต่บทบาทของพวกเขาที่มีต่อสโมสรถูกยกยอจนเกินยิ่งไปหน่อย เพราะคลาสออฟ 92 ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงเฉพาะตัว กลายเป็นเหมือนยี่ห้อสินค้า เหมือนกับเป็นอีกคณะหนึ่งในคณะของเรา ด้วยกันพวกเขาก็เหมือนจักชอบซะด้วย แต่เราทั้งหมดต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน เราทั้งหมดต่างก็มีความกระหายเหมือนกัน





รอย กล่าวถึง พอล สโคลส์




ด้านของสโคลซี่เป็นสุดยอดนักเตะสุทธิๆ แต่ผมไม่ค่อยปลื้มกับภาพลักษณ์ความเป็นคนที่แสนจะติดดินของเขาเท่าไหร่นัก เขามีด้านอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทุกคนดูเหมือนจักคิดว่าเขายังอยู่แฟลตของรัฐบาลอยู่เลยมั้ง


รอย กล่าวถึง ปีเตอร์ ชไมเคิล




ตัวผมเองเคยมีเรื่องกับ ปีเตอร์ ตอนที่ได้ออกทัวร์ปรีซีซั่นครั้นปี 1998 คิดว่าน่าจะเป็นที่ประเทศฮ่องกงนะ ความเมาก็มีส่วนแหละ เขาหมายว่า ฉันริเริ่มเบื่อนายเต็มทีแล้ว เราต้องมาเคลียร์กันซักหน่อย

ผมก็เลยทำนูลว่า ได้เลย แล้วเราก็ซัดกันนัว ผมตื่นมาวันรุ่งขึ้นแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก รู้แต่ว่ามือผมช้ำแล้วนิ้วก็ซ้น

ตอนนั้นเจ้านายด่าเราเละ ตอนที่อยู่บนรถบัส แล้วก็มีคนพูดเรื่องที่ผมกับปีเตอร์ทะเลาะกันที่โรงแรมให้ฟัง ตอนนั้นนิคกี้ บัตต์กล่าวผมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปีเตอร์คว้าคอผมแล้วผมก็เฮดบัตต์เขา หลังจากนั้นเราก็ชุลมุนกันอยู่นาน



รอย กล่าวเรื่องการไม่ตรวจ ยาโด๊ปของ ริโอ เฟอร์ดินานด์




ซึ่งเขาเองนั้นก็ได้รับผลเสียจากเรื่องนี้และกรุ๊ปก็เช่นกัน ถ้าผมเป็นเขา พร้อมกับหมอเผยว่าผมต้องไปตรวจโด๊ป ผมก็คงจักไปตรวจ มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจักลืมกันได้ง่ายๆ

และมันไม่ใช่การไปรับจดหมายที่ไปรษณีย์ หรือไม่ก็ลืมเอารองเท้ามา

ซึ่งในตอนที่หมอสาธยายว่าคุณต้องไปตรวจโด๊ปนะ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำกันอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมีบางคนขี้ลืมได้อย่างเหเลื่องลือเชื่อ

ตัวผมไม่ได้มองว่าริโอมีเหตุผลอะไรซ่อนเร้นนะ ผมคิดว่าเขาลืมแท้ๆ กับเราก็ต้องชดใช้ เขาเป็นนักเตะที่เก่งมากคนหนึ่งและเราก็ขาดเขาไป โดยเฉพาะในครึ่งหลังของฤดูกาลตอนที่การขับเคี่ยวเป็นไปอย่างเข้มข้น



รอย กล่าวถึง คริสติอาโน่ โรนัลโด้




ในนัดที่เราไปเตะกับสปอร์ติ้ง ลิสบอนเพื่อฉลองเปิดสนามศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกใหม่ของพวกเขา ผมได้เห็นว่าโรนัลโด้เล่นได้แจ๋วแค่ไหนในวันนั้น เขาต้องดวลกับจอห์น โอเชีย และทำเอาเชียซี่แทบต้องขอยาแก้ปวดหัวกินในช่วงพักครึ่ง ก็เพราะว่าตาลายกับลีลาการสับขาหลอกของเขา

หลังจากที่สโมสรบรรลุข้อตกลงซื้อขายเขาเลยหลังเกมนั้น เรายังอำกันอยู่เรื่อยๆ ว่าเป็นแน่แท้ๆ แล้วเชียซี่คือคนที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้น ด้วยการเล่นได้ห่วยแตกมากในเกมนั้น

ส่วนตัวผมชอบโรนัลโด้ตั้งแต่แรกเลย เขามีความมุ่งมั่นพร้อมด้วยทัศนคติที่ดี พอได้เห็นเขาซ้อมแค่ไม่กี่วัน ผมคิดเลยว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในอนาคตแน่

และเขาเพิ่งจะอายุแค่ 17 ปีแต่กลายเป็นนักเตะที่ขยันซ้อมที่สุดคนหนึ่งในกรุ๊ปทันที เขารูปหล่อด้วยกันเขาก็รู้ตัวด้วย พอมองดูนักเตะคนอื่นๆ ในกระจก ผมคิดว่าพวกแกนี่หุ่นไม่ได้เรื่องเลย แต่โรนัลโด้ดูใสซื่อและดูดีแน่แท้ๆ




รอย กล่าวเรื่อง การขัดแย้งกับตัว คาร์ลอส คีรอซ





ซึ่งผมได้ระบุเขาว่า อย่าสะเออะ มาพูดกับผมเรื่องความจงรักภักดีนะคาร์ลอส ครั้งไม่กี่ปีก่อนคุณเพิ่งทิ้งฝ่ายนี้เพื่อไปคุมเรอัล มาดริดหลังจากอยู่ได้แค่ 12 เดือน อย่าบังอาจมาสงสัยเรื่องความจงรักภักดีของผม ผมเคยมีโอกาสจักได้เปลี่ยนที่ไปยูเวนตุสกับบาเยิร์น มิวนิคมาแล้ว




รอย กล่าวถึง จุดแตกหักกับ พวกแมนฯ ยูไนเต็ด





ตัวผมนั้นเพิ่งรู้มาไม่กี่วันก่อนว่าสโมสรพยายามจักเขี่ยผมทิ้ง ผมเอื้อนกับเฟอร์กูสันว่า ผมจักขอไปเล่นให้ฝ่ายอื่นได้มั้ย? ซึ่งเขาก็แสดงว่า ได้เลย เพราะว่าเราจักฉีกคำมั่นนายทิ้งอยู่แล้ว ผมเลยคิดว่า ได้เลย ผมจักจัดการเรื่องนี้เอง

ในตอนนั้น ผมรู้ว่าหลายทีมนั้นจักติดต่อมาแน่ถ้าข่าวนี้ออกไป ผมเลยแสดงไปว่า งั้นผมคิดว่าเราคงต้องจบกันแค่นี้แล้วล่ะ ตอนนั้นผมแค่คิดว่าไอ้พวกงี่เง่าเอ๊ย แล้วผมก็ยืนขึ้นกับพูดว่า โอเค งั้นผมไม่อยู่ต่อ




ทำเป็นติดตามชม ไฮไลท์ฟุตบอล ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด ผลบอล ได้ที่ http://footballclubpza.blogspot.com/


ผลบอล: ตอนย่อยติชมระหว่างกลุ่ม แมนยู vs ลิเวอร์พูล

วิเคราะห์ผลบอล : คงจะมีแค่แฟนบอล 2 หมู่นี้แหล่ะมั้ง



เพราะด้วยทีมชั้นนำของยุโรปของศึก 5 ลีกใหญ่ หลาย ๆ ลีกถูกมองว่ามีเหมือน 2 ฝ่ายเท่านั้นที่มีโอกาสคว้าแชมป์ เปรียบเทียบได้ว่าเป็น “ม้าสองตัว” ที่วิ่งฮ่อควบแข่งกันเข้าสู่เส้นชัยในตอนท้ายฤดูกาล

พร้อมทั้งถ้าพูดกันชัดๆ ก็เห็นจักเป็น ลา ลีกา สเปน ที่มีแต่ปาง ทีมบาร์เซโลน่า พร้อมด้วย กลุ่มเรอัล มาดริด แต่บางลีกมีหลายฝ่ายสู้กันเพื่อแย่งแชมป์ แต่ก็มีแฟนบางกลุ่มที่เห็นว่ามันแข่งกันแค่ 2 กรุ๊ป

แต่พูดถึงลีกที่เล่นกันแค่สองเหล่าที่ชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นศึก ลา ลีกา ของสเปน ที่ใครๆ ก็รู้ว่ามีแค่แค่สองขั้วอำนาจมานานหลายปี ระหว่าง ฝ่ายบาร์เซโลน่า แห่งแคว้นกาตาลัน ด้วยกัน ฝ่ายเรอัล มาดริด แห่งนครหลวงมาดริด ที่ต่อสู้กันมาหลายต่อหลายฤดูกาล

ซึ่งอาจจะมีสอดแทรกขึ้นมาบ้างอย่าง เหล่าแอตเลติโก มาดริด เหรอ พวกบาเลนเซีย แต่ก็ปิดประตูไม่ได้ว่าการขับเคี่ยวกันของสองยักษ์ใหญ่นี้ สร้างความสั่นสะเทือนได้ทั้งประเทศด้วยกันยุโรปมาโดยตลอด



แม้ว่า 2 พวกนี้เกลียดกันยันเงา แต่ต่างก็เคารพในฝีมือฝั่งตรงข้าม


กับก็ไม่ใช่แค่ ลา ลีกา แต่ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน แม้ว่าจักมียักษ์ใหญ่เพียงแค่รายเดียวครองความยิ่งใหญ่นั่นคือ พวกบาเยิร์น มิวนิค มาหลายปี

แต่ว่าในช่วง 4 - 5 ปีหลังมานี้ หมู่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลับมาทวงคืนความสำเร็จที่เคยทำได้ ด้วยการเบียด “คณะเสือใต้” ขึ้นคว้าแชมป์ 2 ซีซั่นติดต่อกันในฤดูกาล 2010-11 พร้อมด้วย 2011-12

กับถึงแม้ว่าจักฟอร์มดร็อปไปในปีที่แล้วและปีนี้ แต่ก็ยังส่งอิทธิพลต่อการลุ้นแชมป์ ของ บาเยิร์น เพราะมีเหล่าอย่าง เลเวอร์คูเซ่น หรือไม่ก็ ชาลเก้ 04 ขึ้นมาท้าทายบ้างในบางฤดูกาล



ซึ่งที่ต่อมาเพิ่งจักมาแรงเอาครั้นเมื่อซีซั่นที่แล้ว นั่นคือ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี แม้ยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งกลับมาผงาดอีกครั้งอย่าง ยูเวนตุส จักต่อกรยากเหเลื่องลือเกิน

ไม่ว่าจักเป็นทั้งเรื่องความแข็งแกร่งของกลุ่ม เหรอผู้ตัดสินยามเล่นในบ้านก็ว่ากันไป แต่มีทีม อาแอส โรม่า ที่นำเพราะ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ที่อาจหาญขึ้นมาต่อกรไม่อย่างไม่ย่อท้อ แม้จะยังทำได้แค่เป็นรอง แต่ก็ทำให้การไล่ล่าแชมป์ของ “ฝ่ายไอ้ม้าลาย” ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อจากนั้น

ซึ่งแต่ในลีกยอดนิยมอย่าง ศึกพรีเมียร์ลีก พวกจักแข่งกันเป็นแชมป์ไม่ได้มีแค่ 2 พวกเหมือนชาวบ้านเขา แต่ก่อนอาจเรียกว่า บิ๊กโฟร์ ที่ประกอบด้วย

  1. เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  2. ทีมอาร์เซน่อล
  3. คณะเชลซี 
  4. หมู่ลิเวอร์พูล 

พร้อมด้วยในช่วง 5 ปีหลัง มี เหล่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาด้วย

อาจจะเรียกว่าแฟนบอลทุกทีม ต่างสนุกสนานกับการลุ้นตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาล ของแดนผู้ดีกันอย่างสนุกสนาน ในความหลากหลายพร้อมด้วยไม่ตายตัวของการแข่งขันยอดนิยมที่มีฐานแฟนบอลแน่นที่สุดในทุกมุมโลกลีกนี้




ภาพตัวอย่างหลังจากแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ใช่ไหมจบสัปดาห์มีอันดับสูงกว่าคู่แข่ง


แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีแฟนบอลบางกลุ่ม บางจำพวก ที่คิดว่า ศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก นั้นเล่นกันเช่นแค่ 2 พวกแค่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด กับ เหล่าลิเวอร์พูล ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าครั้นอาทิตย์ก่อนนู้นครับ บี้กันอยู่กลางตาราง กรุ๊ปไหนแข่งก่อนในอาทิตย์นั้นแล้วแพ้เนี่ย เรียกว่าไม่ได้เงยหน้ามาหายใจจนกว่าอีกกลุ่มจะได้แข่ง

ซึ่งยิ่งถ้าอีกฝ่ายพ่ายแพ้ด้วยนะคุณเอ้ย แทบจะขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ในบ้านไม่ออกมาเจอหน้าผู้คน ก็เพราะว่าอะไร กลัวโดนล้อจ้า ถามว่าไปช่วยเขาลงเตะ ไม่ใช่หรือเป็นผู้ถือหุ้นของสโมสรหรือไม่เปล่า ก็ไม่ใช่ซะหน่อย!




ทั้งๆที่วันที่ทีมไม่ได้ลงแข่งแท้ๆ แต่ก็ยังอดไม่ได้


ด้วยกันถ้าสมมุติ อาทิตย์ไหน มีฟุตบอล ยุโรป แฟน บอลกลุ่มเกรียนแตกของกรุ๊ป “หงส์แดง” ก็จักถามเซ้าซี้อยู่นั่นแหละว่ากรุ๊ป แมนฯ ยูฯ ไม่มีเกมกลางอาทิตย์เหรอ ไม่ได้ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก เหรอ

ในตอนที่จับสลาก ได้อยู่โถไหนเหรอ ก็พูดกันไม่เลิก ไม่เคยเบื่อ คนอื่นที่เขาได้ยินต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเขาก็เอือม ไม่ได้ตลกเหมือนตอนที่เล่นกันแรกๆ แล้ว




พร้อมด้วยนั่นก็เป็นที่แน่นอน วันใดที่หงส์ชนะ แฟนผีก็โดนเย้ยหยันเช่นกัน


ถ้าจักถามว่ามีแต่ “เกรียนหงส์” เหรอ ไม่หรอก “เกรียนผี” ก็ไม่น้อยหน้า ยิ่งอาทิตย์นี้ ตัวเองหนีขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ได้เนี่ย ล้อ คณะลิเวอร์พูล เขาไม่หยุด ถามกันตลอดว่าอันดับเท่าไหร่เหรอ ไปบอลยุโรปเหนื่อยเหรอ กลางสัปดาห์ไม่ชนะเหรอ เหล่าอะไรอยู่อันดับ 4 เหล่าอะไรอยู่อันดับ 9 เหรอ




แล้วมันจะทำไมเหรอครับ ลีกมันจบแค่อาทิตย์นี้แล้วเหรอ การแข่งนัดหน้า ฝ่ายแมนฯ ยูฯ จักไม่ปราชัย กรุ๊ปลิเวอร์พูล จักไม่จำนนกันแล้วใช่ไหม เล่นกันไม่เลิกทั้งสองฝ่าย ไม่เคยสนใจเลยว่า กลุ่มเชลซี นู่น เขาเป็นจ่าฝูงนู่น มีตั้ง 19 แต้ม

ซึ่งถ้าไปแข่งกันทำตามเป้าตัวเองที่วางไว้ต้นฤดูกาล ดีกว่ามานั่งหาความสนุกปากกันไปอาทิตย์ต่ออาทิตย์แบบนี้



ภาพอันนี้น่าจักโดนใจแฟนกรุ๊ปอื่นครับ เป้าหมายชัดเจนมาก


ล้อกันเองไม่พอ แต่ยังดึงชาวบ้านชาวช่องเขาเข้าไปอยู่ในนี้ด้วย เล่นส่งข้อความมาถามผู้ดำเนินรายการลักษณะว่า “พี่ครับ แมนฯยูฯ อยู่ที่เท่าไหร่ แล้ว ลิเวอร์พูล อยู่ที่เท่าไหร่ครับ

ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ครับ เราเอือมที่จะตอบ แม้จักรู้ว่าท่านเสียเงินส่งมันมาก็ตาม ยิ่งไปหาดูตามหน้าเฟซบุ๊คต่างๆ ที่เกี่ยวกับฟุตบอลแล้วล่ะก็ แฟนขาเกรียนสองคณะนี้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากลุ่มไหนแน่นอน เก่งบนหน้าคอมพิวเตอร์เนี่ย ขอให้ประภาษ ไม่ปราชัยใครในใต้หล้าอยู่แล้ว




แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ปรารถนาจักเตือน ๆ กันไว้ เล่นสนุกกันหอมปากหอมคอก็พอ อย่าไปสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้ใครต่อใครเขาเลย

ซึ่งกลุ่มใคร ใครก็รักครับ ล้อสนุกกันพอเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องเอามาเป็นแท้จริงเป็นจังขนาดต้องวิวาทกัน ผลงานแย่ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ผลงานดีก็ชื่นชม สู้ไปด้วยกัน ปราชัยวันนี้ วันหน้าก็แข่งใหม่ ฤดูกาลนี้แย่ ฤดูกาลหน้าก็เอาใหม่ เขายังไม่ยุบลีกในปีสองปีนี้แน่นอน

จงอย่าเพิ่มเรื่องปวดหัวให้สังคมปัจจุบันเลย อย่าเป็นแฟนบอลเกรียนๆ ที่จักทำให้แฟนบอลดีๆ เขาเป็นขี้ปากชาวบ้านไปด้วยเลย

พร้อมด้วยอย่าให้คนอื่นเขาด่าว่า แฟนบอล แมนฯ ยูฯ น่ะเหรอ แฟน ลิเวอร์พูล น่ะเหรอ ปากดีอย่างนั้น เกรียนอย่างนี้ หรือไม่น่าหมั่นไส้ยังไงก็ตาม มันไม่น่าชื่นชมหรอกครับ


ที่มา : http://footballclubpza.blogspot.com/


วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอลการรบฟุตบอลเอเชียนเกมส์ 2014 รอบชิงชัยเหรียญทองแดง ไทย ประสบ อิรัก

รายงานสด! ศึกฟุตบอลเอเชียนเกมส์ 2014 

รอบชิงเหรียญทองแดง “  ไทย พบ อิรัก ”



วิเคราะห์ผลบอลรายงานสดฟุตบอลชายเอเชียนเกมส์ 2014 รอบชิงเหรียญทองแดง ระหว่าง กลุ่มชาติไทย พบ กลุ่มชาติอิรัก แข่งที่สนามอินชอน สเตเดี้ยม ประเทศเกาหลีใต้



โดยภายหลังที่บุกเบิกมาได้ 3 นาที เป็นเหล่าอิรักที่ได้ทักทายฝ่ายไทยก่อน จากจังหวะที่กองหลังไทยผิดพลาดให้บอลผ่านมาถึง ยูนิส มาห์มูด กองหน้าตัวเก๋าของหมู่ได้วางเท้ายิงโล่งๆในกรอบเขตโทษ โชคยังดีที่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าหวาดเสียว



ด้วยกันในนาทีต่อมาเหล่าไทยบุกกลับ ซึ่งเป็น อดิศักดิ์ ไกรษร กองหน้าตัวเก่งได้ยิงในกรอบ 6 หลาจากลูกชุลมุน แต่ไม่เต็มเท้าเท่าไร ผู้รักษาประตูอิรักเลยคว้าไว้ได้

เพราะว่าที่ช่วงเวลาที่เหระบือ ทั้งสองกลุ่มเปิดเกมบุกใส่กันอย่างสนุก ถึงแม้ว่ากลุ่มอิรักจะดูวูบวาบกว่า แต่จังหวะสุดท้ายก็ยังไม่เฉียบคมพอที่จักเป็นประตู จบครึ่งแรก ผลบอลเสมอกันอยู่ 0-0

ในนาทีที่ 57 มาห์มูด ได้ลองยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลข้ามคานไปไม่ไกล



พร้อมกับแล้วกลุ่มอิรักมาได้ประตูขึ้นนำจนได้ จากจังหวะลูกเตะมุมนาทีที่ 62 เป็น มาห์มูด คนเดิมที่โหม่งเสียบเสาสองเข้าไป

ในนาทีที่ 79 ชารีล ชัปปุยส์ กองกลางตัวเก่งของไทยได้โอกาสยิงไกล 25 หลา บอลพุ่งได้ลุ้นแต่ยังไม่ดีพอที่จักพ้นมือผู้รักษาประตูอิรัก

ซึ่งเหล่าไทยน่าได้ประตูตีเสมออีกครั้ง จาก อดิศักดิ์ ได้ตั้งป้อมยิงโล่ง ๆ ตรงเส้นกรอบเขตโทษ แต่กดไม่ลง บอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

โดยในช่วงเวลาที่เหโจษจัน กรุ๊ปชาติไทยเปิดเกมบุกอย่างหนักหวังตีเสมอให้ได้ อิรักทำได้แค่ตั้งรับด้วยกันรอสวนกลับเท่านั้น แต่ก็ยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น

ทำให้จบเกม หมู่อิรัก ชนะ ฝ่ายไทย ไป 1 - 0 คว้าเหรียญทองแดงไปครอง ส่วนกรุ๊ปชาติไทยได้อันดับ 4



มาดูสารบาญ 11 ผู้เล่นตัวสุทธิฟุตบอลเหล่าชาติไทย :

  1. กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์. ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู พร้อมด้วย กัปตันพวก
  2. พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา
  3. ธนบูรณ์ เกษารัตน์
  4. ชิติพัทธ์ แทนกลาง
  5. นฤบดินทร์ วีระวัฒโนดม
  6. ปกเกล้า อนันต์
  7. ชารีล ชัปปุยส์
  8. เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
  9. นูรูล ศรียานเก็ม
  10. ชนาธิป สรงกระสินธ์
  11. อดิศักดิ์ ไกรษร

ขอบคุณข้อมูลจาก >>> http://footballclubpza.blogspot.com/2014/10/2014_2.html

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

UFA วิเคราะห์บอลศึก ฟุตบอลยูฟ่า แชเปี้ยนลีก พวกบาเยิร์น มิวนิค VS ฝ่ายแมนฯ ซิตี้


  • แข่งฟุตบอลกลุ่มอี
  • 1.บาเยิร์น มิวนิค VS 2.แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • แข่งวัน: พุธที่ 17 กันยายน 2557
  •  เวลาแข่ง: 01.45 นาฬิกา
  • สนามแข่ง : อัลลิอานซ์ อารีน่า
  • กรรมการผู้ตัดสิน: อัลเบร์โต้ มาเญนโก้ ประเทศสเปน
  • สภาพอากาศ : 15-18 °C, มีเมฆบางส่วน
  • ช่องถ่ายทอดสด :  TrueSport 1

เกี่ยวกับโปรแกรมบอลผลการพบกัน 2 นัดหลังสุด ท้าย

  1. วันที่ 10-12-2013 UFA กลุ่มบาเยิร์น 2 – 3  ฝ่ายแมนฯ ซิตี้
  2. วันที่  2-10-2013  UFA กรุ๊ปแมนฯ ซิตี้ 1 – 3 ฝ่ายบาเยิร์น

ตารางบอลผลงาน 5 นัดหลังสุด
พวกบาเยิร์น

  1. วันที่ 13-9-2014 ผล ชนะ กลุ่มสตุ๊ตการ์ท ผลบอล 2-0 (เป็นหมู่เหย้า)
  2. วันที่ 30-8-2014 ผล เสมอ คณะชาลเก้ ผลบอล 1-1 (เป็นฝ่ายเยือน)
  3. วันที่ 22-8-2014 ผล ชนะ เหล่าโวล์ฟสบวร์ก  ผลบอล 2-1 (เป็นคณะเหย้า)
  4. วันที่ 17-8-2014 ผล ชนะ ทีมพรอยส์เซ่น ผลบอล 4-1 (เป็นกรุ๊ปเยือน)
  5. วันที่ 13-8-2014 ผล พ่ายแพ้ ฝ่ายดอร์ทมุนด์ ผล บอล 0-2 (เป็นกรุ๊ปเยือน)

เหล่าแมนฯ ซิตี้

  1. วันที่ 13-9-2014 ผล เสมอ กลุ่มอาร์เซนอล ผลบอล 2-2 (เป็นหมู่เยือน)
  2. วันที่ 30-8-2014 ผล พ่าย หมู่สโต๊ค  ผลบอล 0-1 (เป็นเหล่าเหย้า)
  3. วันที่ 25-8-2014 ผล ชนะ เหล่าลิเวอร์พูล  ผล บอล 3-1 (เป็นทีมเหย้า)
  4. วันที่ 17-8-2014 ผล ชนะ เหล่านิวคาสเซิล  ผลบอล 2-0 (เป็นหมู่เยือน)
  5. วันที่ 10-8-2014 ผล พ่าย คณะอา ร์เซนอล ผลบอล 0-3 (เป็นกรุ๊ปกลาง)

วิเคราะห์บอลความพร้อม พร้อมทั้ง สภาพ ของพวก
กรุ๊ปบาเยิร์น

  • ทางด้านอาร์เยน ร็อบเบนส่อฟิตไม่ทัน
  • ในนัดนี้ ฟร็องค์ ริเบรี่ได้คัมแบ็กกลับมาลากเลื้อยได้แล้ว
  • ทางด้านดาวิด อลาบาคงจะถูกขยับมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางคู่ชาบี้ อลอนโซ่
  • ก็เพราะว่า บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์
  • ฆาบี้ มาร์ติเนซ
  • ติอาโก้ อัลคันทา นั้นก็ยังเจ็บอยู่
  • แนวรับนั้นเสีย โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ ไปในนัดที่แล้ว
  • และทางด้านราฟินญ่ายังไม่ฟิต

พวกแมนฯ ซิตี้

  • ทางด้านปาโบล ซาบาเลต้ามีโทษแบนติดตัวมา
  • ด้วยกันบาการี ซานญ่าน่าจักได้ยืนแบ็กขวาแทน
  • ส่วนในแดนกลาง แฟร์นานโด ส่อฟิตไม่ทัน
  • แต่ว่า ยายา ตูเร่ ที่ถูกพักไว้ในเกมลีก พร้อมกลับมาเป็นตัวหลักได้
  • ทางด้าน เอดิน เชโก้ นั้นมีลุ้นยืนในแนวรุกแทน เซร์จิโอ อกูเอโร่
  • ในส่วนของ สเตวาน โยเวทิช นั้นยังเจ็บ

ทะเบียนนักเตะโดนแบน: ปาโบล ซาบาเลต้า

วิเคราะห์ฟุตบอลรูปเกม
ตราบใดสองทีมยักษ์ใหญ่โคจรมาพบกันตั้งแต่นัดแรก พร้อมทั้งคงไม่มีใครอยากได้พลาดท่าก่อนแน่ กรุ๊ปบาเยิร์นที่ฟอร์มยังไม่แรงในการออกสตาร์ทซีซั่นนี้กับมีปัญหานักเตะเจ็บอื้อซ่า คงต้องเน้นเต็มที่เพื่อสยบ หมู่แมนฯ ซิตี้ที่ผลงานยังไม่นิ่งลงให้ได้ แต่เรือใบก็น่าจักมีทีเด็ดพอที่จะบุกมาลุ้นแย่งแต้มออกจากถ้ำเสือใต้ได้

รายการผู้เล่น 11 คน แรกที่คาดว่าจะได้ลง

เหล่าบาเยิร์น 4-3-3 : 

  • 1.มานูเอล นอยเออร์
  • 21.ฟิลิปป์ ลาห์ม
  • 17.เจอโรม บัวเต็ง
  • 4.ดันเต้
  • 18.ฆวน เบรนาท
  • 3.ชาบี้ อลอนโซ่
  • 27.ดาวิด อลาบา
  • 25.โธมัส มุลเลอร์
  • 19.มาริโอ เกิทเซ่
  • 7.ฟร็องค์ ริเบรี่
  • 9.โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ชื่อผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอ ลา


ทีมแมนฯ ซิตี้ 4-2-3-1 : 

  • 1.โจ ฮาร์ท
  • 3.บาการี ซานญ่า
  • 4.แว็งซองต์ กอมปานี
  • 26.มาร์ติน เดมิเคลิส
  • 11.อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ
  • 25.แฟร์นานดินโญ่
  • 42.ยายา ตูเร
  • 8.ซาเมียร์ นาสรี่
  • 21.ดาวิด ซิลา
  • 7.เจมส์ มิลเนอร์
  • 10.เอดิน เชโก้

ชื่อผู้จัดการทีม : มานูเอล เป เญกรินี่


ฮอตสกอร์ที่คาดว่าจักเกิด : ผลเสมอ 1-1
เกร็ดที่น่า รู้

  1. เพราะนัดนี้ทั้งสองทีมพบกันในรอบแบ่งกลุ่มแชมเ ศักราช้ยนส์ลีกเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ชันษา เพราะว่ามีสถิติชนะ 2 พ่ายแพ้ 2 เท่ากันใน 2 ครั้งก่อน
  2. คณะบาเยิร์นพ่ายแพ้แค่ 3 จาก 20 นัดที่พบ กับทีมจากอังกฤษในบ้าน ชนะ 11 เสมอ 6 จำนน 3

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ผลบอลเครื่องใช้เหล่าแมนยูรวมทั้งช่วงเวลา ไทม์ไลน์ สรรพสิ่งหลุยส์ ฟาน กัลพร้อมด้วยข่าวการซื้อหาตัวของกรุ๊ปลิเวอร์พูล



นี่สดช่วงเวลา ไทม์ไลน์ ของหลุยส์ ฟาน กัล


สำหรับฟุตบอลช่วงที่ ไม่ชนะเลิศ การจะพูดจาอะไรต้องระมัดแวดให้รอบคอบครับ เพราะผลที่ตามมาอาจแว้งเข้าหาตัวเองเอาได้ง่าย ๆ

อย่างอาทิเช่น ทีมแมนฯยูไนเต็ด แพ้ ทีมเอ็มเค ดอนส์ 0 - 4 ตกรอบ 2 ศึกแคปปิตัลวัน คัพ ที่ผ่านมา หลุยส์ ฟาน กัล ได้คอมเมนต์ถึง ปรัชญา หรือ Philosophy ในการทำทีมของเค้าว่าต้องใช้ครั้ง

ซึ่งอารมณ์ก็คือ ประมาณว่า แฟน ๆ ต้องเชื่อในปรัชญาว่า เรากำลังสร้างทีมที่ไม่สามารถสำเร็จได้ใน 1 เดือน หรือ 1 ปี

นั่นก็เป็นกุนซือวัย 63 ปีต้องการ เวลา เหมือนครั้งหนึ่งที่ เจ้าตัวเคยเปรยว่า เค้ามักต้องมี 3 เดือนในการทำให้เสมอตัวเองกับทีมใหม่ทุกทีมที่ไปคุม


ภาพหลังจากที่โดนทีมจากลีก วัน ถล่ม 4-0 เฉย

ซึ่งหากเป็นดังนั้น ไทม์ไลน์ ของ ฟาน กัล หลังเข้ามารับงานครบตัวตอนกลางเดือน กรกฎาคม หลังปิดฉากบอลโลก 2014 เห็นจะเป็น 
กลางเดือน ตุลาคม ที่จะถึงนี้จึงค่อย ประเมิน รอบแรกผลงานของตัวเค้าเอง

และก็น่าจะ เหมาะสม นะครับ เพราะถึงตอนนั้น โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็น่าจะเดินทางถึงนัดที่ 8 หรือเกือบ ๆ 1 ใน 4 ของฤดูกาลแล้ว

ซึ่งถ้ามองในแง่ของ ภาพรวม ผมขอยอมวาง ไทม์ไลน์ การวิเคราะห์บอล และประเมินผลงานไว้ดังนี้นะครับ

การเตะ 6 นัดน่าจะพอเพียงให้นักเตะทั้งที่ไป/ไม่ไป บอลโลก 2014 รวมถึงการเตรียมทัพของกุนซือแต่ละคนกลับมาเข้าที่เข้าทาง และผู้เล่นคืนสภาพ ความฟิต กลับมาได้ถึง 100%


เป็นภาพหน้าบอกบุญไม่รับและไร้ราศีเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปรีซีซั่น

และยังรวมถึง ทีมเวิร์ก และ 11 คนแรกก็น่าจะชัดเจนขึ้น ไม่ก็ก็คือรอถึงสักสิ้นเดือน กันยายน 2014 นะครับ 27 กันยายน 2014

ซึ่งจากนั้น ในเดือน ตุลาคม น่าจะเป็นเดือนที่ได้ เก็บเกี่ยว ผลงาน และเริ่มวัดกันได้แล้วว่า ใครของจริง/ของปลอม เพราะเวลานั้นเป็นเวลา พอได้ที่ แล้วในจังหวะเข้าสู่ช่วง 1 ควอเตอร์ หรือ 1 ใน 4 ของฤดูกาล

ในสุดท้ายเดือน พฤศจิกายน ที่ตามสถิติทุกซีซั่นจะเป็นเดือน แยกทาง ระหว่างผู้จัดการทีม และฝ่ายบริหารมากที่สุด เราก็คงได้เห็นว่า ใครอยู่ หรือไป

ในช่วงเดือน ธันวาคม หรือช่วง คริสต์มาส มักจะมีคำพูดกันว่า ใครเป็นจ่าฝูง หรือรั้งบ๊วย ส่วนหลังคริสต์มาส โอกาสจะแชมป์ หรือตกชั้นจะสูงถึง สูงสุด 26 ธันวาคม จะเป็นนัดที่ 19 หรือครึ่งทางพอดี

ซึ่งก่อนที่เดือน มกราคม ศกหน้าจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเข้าสู่ครึ่งซีซั่นหลัง และตลาดนักเตะรอบ 2 จะเปิดให้แก้ตัว/ปรับกำลังพลกันอีก 1 เดือน

และโดยการ ทาบกัน ระหว่าง ไทม์ไลน์ ของผม กับหลุยส์ ฟาน กัล ช่วงเวลาที่น่าสนใจมาก ๆ เกี่ยวกับทีมปิศาจแดง ก็คือ
  • เดือน กันยายน ในช่วง 3 จันทร์ ฟาน กัล
  • เดืน ตุลาคม จะต้องมี 11 คนแรกที่ดีที่สุด และทีมเห็นหัวเห็นหาง
  • ในช่วง คริสต์มาส 25 ธันวาคม ครึ่งฤดูกาล
  • มกราคม ศกหน้า จะเปิดตลาดนักเตะรอบ 2


หรือว่าอันที่จริงแล้วงานย่ำแย่เมื่อซีซั่นก่อน ไม่ใช่ความผิดของ เดวิด มอยส์

และที่เพิ่มเติมจากนี้คือ เดวิด มอยส์ โดนปลดจากตำแหน่งหลัง เสียสถิติ โน่น นี่ นั่น มากมายก่ายกองกระทั่งคอนเฟิร์มการชวดไปเตะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลัง 10 เดือนในหน้าที่

โดยนัดที่ 34 ในเดือน เมษายน 2014 ขณะมีแต้มตามหลังทีมอันดับ 4 ลุ้นไปเตะ UCL 13 คะแนนซึ่งไล่ไม่ทันแล้ว

และแน่นอนครับ เมื่อวานผมแตะแล้วว่า ณ 27 สิงหาคม นี้แมนฯยู ฯ เหลือเพียง เอฟเอ คัพ เป็นโทรฟี่ใบเดียวให้ได้ลุ้น

โดยที่สเต๊ปต่อไปคือ ลุ้นไปเตะ UCL ที่ผมจินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่า หากถึงวันที่ทีมปิศาจแดง อาจจะไม่ได้เตะอีก 1 ซีซั่น

และอะไรจะเกิดขึ้นกับ หลุยส์ ฟาน กัล และเจ้าตัวยังจะได้รับ ช่องทาง ให้สานฝันปรัชญาการทีมแบบที่ต้องการต่อไปหรือ



ข่าวไม่ใช่หรือจริง เมื่อทีมผีตอบรับข้อเสนอวิลล่า440 ล้านซื้อเคลฟ



สำหรับสาวกทีม ผีแดง จะรู้สึกไง  จนกระทั่งสื่อ ผู้ดีได้ เผยว่า เคลฟเวอร์ลี่ย์ เตรียมการย้ายทีม หลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ขานรับข้อเสนอของ วิลล่า ที่ยื่นข้อแนะนำ 440 ล้านบาท เพื่อดึงนักเตะรายนี้ไปเสริมทัพ

โดยที่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวว่าได้ตอบรับข้อเสนอจำนาน 8 ล้านปอนด์หรือ 440 ล้านบาท จาก แอสตัน วิลล่า เสี่ยวร่วมลีก ที่ยื่นเข้ามาขอซื้อตัว ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ มิดฟิลด์เลือด ผู้ดี ไปร่วมทีมก่อนตลาดซื้อ-ขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ปิดตัวลง เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งจากรายงานของ สกาย สปอร์ต สื่อดังแดน ผู้ดี ระบุว่า มิดฟิลด์วัย 25 ปี ยังโชว์ฟอร์มในสนามได้ไม่ดีนัก ทำให้นักเตะรายนี้เตรียมถูก ทีมปีศาจแดง ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือใหญ่ ปล่อยตัวออกจากสโมสร โดยมี ทีมสิงห์ผงาด ให้ความสนใจ และล่าสุดมีการรั้งขึ้นเผยว่าหลังจาก วิลล่า ได้มาถึงพบปะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องค่าตัวได้แล้ว

และทั้งนี้ทาง เคลฟเวอร์ลี่ย์ เป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ชุดเยาวชน ก่อนจะก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2011 ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ ทีมปีศาจแดง แต่กระนั้นหลังจาก ป๋า วางมือ และใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้ไม่น่ากดใจแฟนบอล ทีมเร้ด เดวิลส์ มากนัก แม้จะได้รับโอกาสลงสนามมากถึง 44 นัด ในเกมลีก ก็ตาม



ข่าวลือว่า ซงจ่อเข้าตรวจร่างกายย้ายซบขุนค้อน 1 ปี


กลายเป็นคดีพลิก หลังขุนค้อน มาแรง จ่อกระชากหัว ซง พ้นม้านั่งสำรอง ทีมบาร์ซ่า ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล สื่อคาดดาวเตะผิวสี เตรียมบินลัดฟ้ามาตรวจร่างกายสุดสัปดาห์นี้

สำหรับอเล็กซ์ ซง มิดฟิลด์ตัวสำรองของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน ตกเป็นข่าวเตรียมบินลัดฟ้ามาตรวจร่างกาย ย้ายมาร่วมทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด สโมสรจากเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ปีเต็ม หลังจากที่เจ้าตัวแทบไม่ได้รับโอกาสลงเล่นในถิ่นคัมป์ นู

โดยก่อนหน้านี้มีหลายสโมสร ที่มีข่าวพัวพันธ์กับอดีตดาวเตะของทีมอาร์เซน่อลรายนี้ทั้ง 

  1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  2. ลิเวอร์พูล 
  3. ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 

ที่เป็น 3 ทีมดังจากแดนผู้ดี ทว่าล่าสุดกลับมีข่าวอย่างหนาหูกับทัพ ทีมขุนค้อน ถึงขนาดเตรียมบินมาตรวจสอบร่างกายในเร็ววันนี้เลยทีเดียว โดย ซง ถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาแทนที่ของ โมฮาเหม็ด ดิยาเม่ กองกลางตัวหลักที่มีข่าวว่ากำลังจะย้ายออกไปจากถิ่นอัพตัน พาร์ค

โดยการวิเคราะห์ผลบอลที่ทั้งนี้ จอมทัพชาวแคเมอรูน วัย 26 ปี ย้ายจาก ทีมไอ้ปืนใหญ่ มาร่วมทัพ ทีมเจ้าบุญทุ่ม เมื่อปี 2012 แต่กลับไม่รอบรู้สอดแทรกซ้อนตำแหน่งตัวจริงในทีมได้เลย ทำให้เจ้าตัวต้องการที่จะย้ายออกไปเพื่อได้รับโอกาสลงสัมผัสสนามมากกว่าเดิม โดยจวบจวน 2 ปีกับบาร์เซโลน่า ลงเล่นไปทั้งสิ้น 65 นัด ยิงได้ 1 ประตู ซึ่งส่วนมากเป็นการลงเล่นในฐานะตัวสำรอง และในบอลถ้วยซะมากกว่า


เมื่อแอ็กเกอร์ จ่อชิ่ง หงส์ หวนซบตัก บรอนด์บี้


เป็นข่าวลือกันสะพัด แอ็กเกอร์ ไม่ทน จัดขนข้าวขนของหวนซบตัก บรอนด์บี้ ในที่เกิดแดนโคนม หลังเป็นแค่สำรองกับ หงส์แดง ประมาณค่าตัวราว 135 ล้านบาท

เมื่อดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ เซ็นเตอร์แบ็กจอมอาพับของ ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวว่า จัดย้ายกลับไปค้าแข้งกับ บรอนด์บี้ อดีตต้นสังกัดเก่าในลีกบ้านเกิดที่ เดนมาร์ก ก่อนที่ตลาดซื้อ-ขายนักเตะจะปิดฉากลงในอีกไม่กี่วันนี้ ภายหลังบทบาทของเจ้าตัวนั้นเป็นแค่ตัวสำรองของ ทีมหงส์แดง

สำหรับแอ็กเกอร์ แทบไม่ได้โอกาสลงเล่นให้กับทีม ลิเวอร์พูล เลยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลัง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นั้นเลือกให้ มามาดู ซาโก้ และ มาร์ติน สเคอร์เทล เป็นคู่หูปราการหลังตัวจริง และยิ่ง ทีมหงส์แดง ได้ตัว เดยัน ลอฟเรน มาอีก 1 รายเมื่อไม่นานมานี้ จึงทำให้ภายภาคหน้าของ แอ็กเกอร์ ในถิ่น แอนฟิลด์ ริบหรี่ลงทุกที ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า 
ทีมบาร์เซโลน่า
ทีมแอตเลติโก มาดริด 
ทีมนาโปลี 

ได้ให้ความสนใจดึงตัวไปร่วมทีม

แต่เช่นไรก็ตามล่าสุดมีรายงานว่า แอ็กเกอร์ เตรียมที่จะกลับไปอยู่กับ บรอนด์บี้ ในลีกบ้านเกิดแดนโคนม หลังทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจาบรรลุคำสัญญากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดกันว่าค่าตัวนั้นน่าจะอยู่ที่ 3 ล้านปอนด์หรือ 135 ล้านบาท

สำหรับ แอ็กเกอร์ วัย 29 ปีอยู่กับ บรอนด์บี้ มาตั้งแต่เป็นแข้งในศูนย์ฝึกเยาวชน จากนั้นก็ได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2004 ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงปี 2006 โดยลงดูแลทัพ ทีมหงส์แดง ไปแล้วทั้งสิ้น 232 เกม ยิงได้ 14 ประตู



ก็ยังเหมือนเดิมเมื่อ ผีฟอร์มยังฝืดบุกเจ๊าทีมเบิร์นลี่ย์ 0-0



  • ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
  • แข่งวันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2557 
  • ทีมเบิร์นลี่ย์ 0-0 ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  • แข่งที่สนาม : เทิร์ฟ มัวร์
  • มีผู้ตัดสิน : คริส ฟอย
  • ชมถ่ายทอดสดทาง http://footballclubpza.blogspot.com/

โดยที่เริ่มเกมครึ่งแรก

ในนาทีที่ 3 ฝั่งเจ้าถิ่น เบิร์นลี่ย์ มีโอกาสลุ้นก่อน จากพรีคิกนอกกรอบโทษ เดวิด โจนส์ ปั่นด้วยซ้ายข้ามแพง เด เคอา ได้แต่มอง แต่ภาคย์บอลไปชนคาน ทำให้ทีม แมนฯยูฯ รอดไม่เสียประตู


นาทีที่ 15 โอกาสครั้งแรกของ ทีมเยี่ยมเยียน แมนฯ ยูไนเต็ด จาก อังเคล ดิ มาเรีย วางบอลยาวจากกลางสนาม ให้ ฟาน เพอร์ซี่ พักบอลลงได้ ก่อนอัดด้วยซ้ายมุมแคบ แต่ไปตรงตัว ทอม ฮีตัน

นาทีที่ 27 เบิร์นลี่ย์ ได้ลุ้น เมื่อ ดิ มาเรีย เกี่ยวบอลลงไม่ดี บอลมาเข้าทาง เดวิด โจนส์ บริเวณนอกกรอบวิ่งมาซัดเต็มข้อบอลพุ่งตรงกรอบ ทำให้ เด เคอา ต้องออกแรงทุบทิ้งออกหลังไป

นาทีที่ 37 ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ได้รับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม จากที่ไปดึง แดนนี่ อิงก์ส

เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมยังไม่เป็นได้ทำอะไรกันได้ จบเกมครึ่งแรก เบิร์นลี่ย์ เสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ 0-0

เข้าสู่เกมในครึ่งหลัง


นาทีที่ 52 ทีมเยือน มีโอกาสลุ้นก่อน เมื่อ อันโตนิโอ วาเลนเซีย จ่ายบอลเข้ากลางให้ เวย์น รูนี่ย์ ก่อนดึงจังหวะไหลบอลต่อให้ ดิ มาเรีย ที่วิ่งเติมขึ้นมาซัดทางซ้ายในกรอบเขตโทษ แต่ติดบล็อคแนวรับ เจ้าถิ่น เบิร์นลี่ย์

นาทีที่ 59 แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตู จาก เบ็น มี เคลียร์บอลหน้าประตูไม่ขาดบอลมาเข้าทาง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้ซัดด้วยซ้ายบอลตรงกรอบ แต่ไปติดแผงหลัง เบิร์นลี่ย์ สกัดออกมาได้ทัน

นาทีที่ 61 ดาเรน เฟล็ทเชอร์ โยนบอลเข้าเขตโทษถึง ฟาน เพอร์ซี่ ขึ้นโขกเช็ด แต่ข้ามคานออกไปอีก

นาทีที่ 70 แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวคนแรกเอา อังเคล ดิ มาเรีย ออก ส่ง อันแดร์สัน ลงเล่นแทน

ในนาทีที่ 72 ทีมเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวคนที่สอง เอา ฟาน เพอร์ซี่ ออก ส่ง แดนนี่ เวลเบ็ค ลงเล่นแทน

นาทีที่  80 แดนนี่ เวลเบ็ค จ่ายบอลคืน ให้ ฆวน มาต้า ซัดไกลนอกกรอบ แต่ลูกฟุตบอลโด่งข้ามคานออกไป

เข้าสู่ช่วงทดเวลา แมนฯยูฯ บุกมากกว่า แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าถิ่นได้ ทำให้จบ90นาที เบิร์นลี่ย์ เปิดบ้านยัน เสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ 0-0 แบ่งทีมละหนึ่งแต้ม

------------------------------------------------------------------------------------

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง ของทั้งสองทีม

ทีมเบิร์นลี่ย์ : 
  1. ทอม ฮีตัน 
  2. เบ็น มี
  3. เจสัน แช็คเคลล์
  4. ไมเคิ่ล ดัฟฟ์
  5. คีแรน ทริปปิเยร์
  6. ดีน มานี่ย์
  7. แม็ธธิว เทย์เลอร์
  8. สก็อตต์ อาร์ฟิลด์
  9. แดนนี่ อิ้งส์
  10. เดวิด โจนส์ 
  11. ลูคัส จัตคีวิซส์

ราชื่อผู้จัดการทีม : 
  • ฌอน ไดช์

ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 
  1. ดาบิด เด เคอา 
  2. ฟิล โจนส์
  3. จอนนี่ อีแวนส์
  4. ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์
  5. อันโตนิโอ วาเลนเซีย
  6. แอชลีย์ ยัง
  7. ดาเรน เฟล็ทเชอร์
  8. ฆวน มาต้า
  9. อังเคล ดิ มาเรีย
  10. เวย์น รูนีย์ 
  11. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

บัญชีรายชื่อผู้จัดการทีม : หลุยส์ ฟาน กัล



โดยการประมวลภาพฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก เบิร์นลี่ย์ 0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด